บันทึกจากกลางทุ่ง

บันทึกจากกลางทุ่ง

เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์สิบสองปีที่มูลนิธินักอ่านบ้านนาและกัลยาณมิตร (www.bannareader.com)

เข้าไปสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาของนักเรียนชั้นประถมในโรงเรียนรัฐบาลในอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก  การสนับสนุนส่วนใหญ่ใช้การอ่านเป็นกิจกรรมหลักตามด้วยการเข้าไปช่วยพัฒนาโรงเรียนบางแห่งในช่วงห้าปีที่ผ่านมา  ประสบการณ์นี้ชี้ชัดและตอกย้ำว่า เด็กในทุ่งนาสามารถพัฒนาได้ไม่น้อยกว่าเด็กในเมืองที่ครอบครัวมักมีรายได้สูงกว่า  ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กพัฒนาต่างกันคือ โอกาส 

การขาดโอกาสของเด็กชนบทเป็นการสูญเสียทรัพยกรกองมหาศาล  แต่นโยบายการศึกษามิได้ส่งเสริมเด็กให้มีโอกาสทัดเทียมกัน  ตรงข้ามกลับทำให้เด็กในชนบทประสบปัญหามากขึ้น  นโยบายแบบนี้นอกจากจะมีผลทางด้านการสูญเสียทรัพยากรกองมหาศาลแล้ว ยังทำให้รากฐานของชาติสั่นคลอนจนส่งผลให้ชาติขาดความมั่นคงอีกด้วย  ขอยกตัวอย่างเรื่องโรงเรียนขนาดเล็ก

รัฐบาลมีกฎเกณฑ์ว่า ถ้าครูในโรงเรียนที่มีเด็กต่ำกว่า 250 คนเกษียณ ทางราชการจะไม่บรรจุครูแทนให้ แต่จะส่งครูอัตราจ้างไปแทนซึ่งก็ต้องใช้เวลากว่าจะจ้างครูดังกล่าวได้  สภาพเช่นนี้ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กซึ่งมีครูไม่ครบชั้นเรียนอยู่แล้วต้องประสบปัญหาจากการขาดแคลนครูถึงขั้นวิกฤติโดยเฉพาะเมื่อครูคนหนึ่งป่วย หรือพาเด็กส่วนหนึ่งไปทำกิจกรรมนอกโรงเรียน  นอกจากจะขาดแคลนครูแล้ว โรงเรียนขนาดเล็กยังขาดงบประมาณอีกด้วย  พวกเขาต้องเข้าร่วมทำกิจกรรมสารพัดไม่ต่างกับโรงเรียนขนาดใหญ่ทั้งที่อยู่ห่างไกลจากสถานที่จัดกิจกรรม 

เมื่อผู้ปกครองในท้องที่เห็นสภาพเช่นนี้นานเข้า พวกเขาก็ส่งลูกหลานไปเรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่ซึ่งมักอยู่ไกลและอยู่ในเขตตัวเมือง  การกระทำนี้ส่งผลให้โรงเรียนมีนักเรียนน้อยลงส่งผลให้ฝ่ายรัฐลดจำนวนครูและงบปรมาณลงอีกรอบหนึ่ง  สภาพเช่นนี้จึงมีลักษณะเป็นงูกินหางและสร้างภาวะให้โรงเรียนขนาดเล็กถูกยุบไปในที่สุด  จังหวัดนครนายกมีโรงเรียนชั้นประถม 132 แห่งซึ่ง 113 แห่งเป็นขนาดเล็กที่จะไม่ได้รับการบรรจุครูแทนเมื่อครูคนหนึ่งเกษียณไป  นั่นหมายความว่าโรงเรียนส่วนใหญ่เริ่มเข้าไปอยู่ในกระบวนการถูกยุบแล้ว

กระบวนการถูกยุบและการถูกยุบซึ่งเกิดขึ้นอย่างประปรายสร้างความระส่ำระสายให้ทั้งเด็ก ครอบครัวและชุมชนซึ่งในที่สุดจะมีผลต่อความมั่นคงของชาติ

เด็กจะต้องไปเรียนไกล  ผู้ปกครองต้องไปส่ง หรือไม่ต้องจ่ายเงินนั่งรถซึ่งมักไม่ค่อยปลอดภัยไปโรงเรียน  ต้องเสียเวลาท่ามกลางความเสี่ยงและเหนื่อยส่งผลกระทบต่อการเรียนและเวลาการเป็นเด็กของพวกเขา  นอกจากนั้น ความผูกพันกับชุมชนและโรงเรียนของพวกเขายังลดลงอีกด้วย

ผู้ปกครองต้องเสียทั้งเวลาและทรัพย์ซึ่งมักมีจำกัดอยู่แล้วพร้อมกันนั้นความผูกพันกับโรงเรียนก็ลดลงเพราะโรงเรียนของลูกหลานอยู่นอกชุมชน  เมื่อโรงเรียนซึ่งเป็นส่วนสำคัญของฐานในการสร้างความผูกพันในชุมชนหายไป ความผูกพันในชุมชนย่อมลดลง  นั่นหมายถึงความอ่อนแอของชุมชนส่งผลถึงความมั่นคงของชาติซึ่งขึ้นอยู่กับรถถัง เรือดำน้ำ และเรือเหาะ หรือเรือลอยน้อยกว่าความผูกพันและความมั่นคงของชุมชน

การเข้าไปช่วยพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กในกลางทุ่งนาแห่งหนึ่งของมูลนิธินักอ่านบ้านนาและกัลยาณมิตรแสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดว่า เด็กได้พัฒนาไปในทางที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ มีความเชื่อมั่น มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง รักโรงเรียน อาสาช่วยงานสารพัด แม้จะจบไปแล้วก็ยังกลับมาใช้เวลาในโรงเรียนรวมทั้งการนอนค้างเมื่อพวกเราเข้าไปจัดกิจกรรมที่มีการค้างคืนในโรงเรียน  ผู้ปกครองเชื่อมั่นว่าลูกหลานจะปลอดภัยทั้งในการมานอนค้างและการร่วมเดินทางไปยังต่างถิ่นเมื่อนักเรียนนำกิจกรรมไปแสดง อาทิเช่น จักรยานล้อเดียว

สิ่งเหล่านี้ ผู้มีอำนาจอาจไปดูได้ แต่กรุณาอย่าสวมชฎาไปและกดดันให้โรงเรียนจัดการต้อนรับอย่างสมเกียรติเพราะมันเสียทั้งทรัพยากรที่โรงเรียนมีน้อยอยู่แล้วและเวลาของเด็กและครู  เด็กของโรงเรียนนี้อาจสอบ O-net ไม่ได้คะแนนเป็นเลิศ  แต่มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทั้งความสุขกายสบายใจและค่าต่อสังคมไทยไม่น้อยกว่าเด็กในเมือง