ถอดรหัสความคิดสีจิ้นผิง

ถอดรหัสความคิดสีจิ้นผิง

ไฮไลท์สำคัญของการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เพิ่งผ่านพ้นไป ก็คือ การบรรจุ “ความคิดของสีจิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมอันมีเอกลักษณ์

แบบจีนสำหรับยุคใหม่” เข้าเป็น “ความคิดนำ” ในธรรมนูญพรรคคอมมิวนิสต์

ที่ผ่านมา ความคิดของผู้นำจีนทั้ง 5 รุ่น ต่างได้รับการบรรจุเป็นความคิดนำในธรรมนูญพรรค ได้แก่ “ความคิดเหมาเจ๋อตง” “ทฤษฎีเติงเสี่ยวผิง “ความคิดสามตัวแทน” (ของเจียงเจ๋อหมิน) “แนวคิดการพัฒนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์” (ของหูจินเทา) และที่เพิ่งเพิ่มเข้าไปล่าสุดก็คือ ความคิดของสีจิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมอันมีเอกลักษณ์แบบจีนสำหรับยุคใหม่

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า นี่เป็นการยกชั้นสีจิ้นผิงขึ้นเทียบเท่ากับเหมาเจ๋อตงและเติ้งเสี่ยวผิง เพราะใส่ชื่อสีจิ้นผิงพ่วงกับความคิดของเขาด้วย ขณะที่เจียงเจ๋อหมินและหูจินเทาไม่เคยได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้

แต่เอาจริงๆ แล้ว คงพูดได้แค่ว่า สีจิ้นผิงได้รับการยกย่องสูงกว่าเจียงเจ๋อหมินและหูจินเทา แต่ยังไม่ถึงกับทัดเทียมเหมาหรือเติ้ง อย่าลืมนะครับว่า ของเหมาและเติ้งนั้น สั้นๆ ตรงๆ ว่า “ความคิดเหมาเจ๋อตง” และ “ทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง” แต่ของสีจิ้นผิงนั้น ต้องใช้ชื่อยาวเหยียดเป็นกิโล ขยายแล้วขยายอีกว่า “ความคิดของสีจิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมอันมีเอกลักษณ์แบบจีนสำหรับยุคใหม่”

ผมขอเรียกสั้นๆ ในทีนี้ว่า ความคิดสีจิ้นผิง เพื่อให้พิมพ์และอ่านง่ายๆ (ไม่ใช่เพื่อจะให้เกียรติยกชั้นท่านประธานสีไปมากกว่านี้)

ในการประชุมใหญ่ที่ผ่านมา สีจิ้นผิงแถลง “ความคิดสีจิ้นผิง” ยาวเหยียด 3 ชั่วโมง ทำลายสถิติผู้นำจีนที่พูดได้ยาวเหยียดที่สุด โดยกล่าวถึงความขัดแย้งใหม่ เป้าหมายใหม่ และแนวคิดใหม่

ความขัดแย้งใหม่: จากเดิมที่สมัยก่อน พรรคคอมมิวนิสต์เคยใช้คำว่า จีนเผชิญความขัดแย้งระหว่างความต้องการทางวัตถุของประชาชนที่เพิ่มขึ้น vs พลังการผลิตที่ล้าหลังของจีน สีจิ้นผิงบอกว่า ในยุคใหม่ จีนเผชิญความขัดแย้งระหว่าง ความต้องการของประชาชนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพ vs การพัฒนาที่ไม่สมดุลและไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

จะเห็นว่า สีจิ้นผิงบรรยายความต้องการของประชาชนในเชิงกว้างและลึกมากขึ้น คือไม่ใช่ความต้องการทางวัตถุเพียงอย่างเดียว แต่เน้นที่คุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งมีมิติของสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย นอกจากนั้น สีจิ้นผิงบรรยายเป้าหมายของการพัฒนาว่าต้องเป็นการพัฒนาที่สมดุลและเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งก็ขยายกว้างกว่าการเน้นพัฒนาการผลิตดังที่ผ่านมาในอดีต

เป้าหมายใหม่: เป้าหมายเดิมคือ ภายในปี ค.ศ. 2021 (พรรคคอมมิวนิสต์จีนครบรอบ 100 ปี) จีนจะเป็นประเทศที่กินดีอยู่ดีพอสมควร เป้าหมายใหม่คือ ในปี ค.ศ. 2049 (สาธารณรัฐประชาชนจีนครบรอบ 100 ปี) จีนจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างสมบูรณ์

แนวคิดใหม่: ก็คือ แนวคิดสังคมนิยมอันมีเอกลักษณ์แบบจีนสำหรับยุคใหม่ มีแนวทาง 14 ข้อ ได้แก่ 1) ยืนหยัดการนำของพรรคคอมมิวนิสต์ในทุกมิติ; 2) พรรคคอมมิวนิสต์ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง; 3) ยืนหยัดการปฏิรูปให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น; 4) ใช้แนวคิดการพัฒนาใหม่ที่เน้นวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โปร่งใส และกระจายประโยชน์

5) ยืนหยัดสังคมนิยมอันมีเอกลักษณ์แบบจีน ซึ่งมีประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ 6) ปกครองจีนด้วยการยึดมั่นในกฎหมาย 7) ปลูกฝังค่านิยมสังคมนิยมอันมีเอกลักษณ์แบบจีน

8) การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นเป้าหมายของการพัฒนา 9) การพัฒนาต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 10) เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการทหาร

11) กองทัพต้องอยู่ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์จีน 12) ยืดหยัดแนวคิดหนึ่งประเทศ สองระบบ และเดินหน้ารวมชาติกับไต้หวันในอนาคต 13) ร่วมสร้างสังคมโลกที่สันติและมีจุดหมายร่วมกัน 14) บังคับใช้วินัยพรรคอย่างเคร่งครัด

พลันจบการแถลง ผมฟังนักวิเคราะห์ชาวฮ่องกงสับเละว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ขาดความคิดสร้างสรรค์ หาใจความสำคัญไม่เจอ ไม่เหมือนอย่างแนวคิดสามตัวแทนของเจียงเจ๋อหมิน ซึ่งเข้าใจได้ง่ายๆ เพราะมีแค่ 3 ข้อ (ไม่ใช่ 14 ข้อ แบบนี้) ส่วนแนวคิดการพัฒนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ของหูจินเทา ก็เข้าใจง่ายว่า ไม่ใช่การพัฒนาแบบปั๊มตัวเลข GDP เช่นในอดีต แต่เน้นการพัฒนาอย่างรอบด้านและสมดุล แต่ “ความคิดสีจิ้นผิง” ครั้งนี้ ยาวเหยียด 14 ข้อ ใส่ทุกอย่างครอบจักรวาล จนไม่รู้ว่าอะไรคือใจความสำคัญ

แต่นักวิเคราะห์ที่ชื่นชอบท่านประธานสี ก็ยืนยันว่ามีใจความสำคัญโดดเด่นใน “ความคิดสีจิ้นผิง” คนที่มองไม่เห็นแค่อ่านจับใจความไม่เก่งเอง เมื่อถอดรหัส “ความคิดสีจิ้นผิง” แล้วจะพบว่า ในขณะที่ “ความคิดเหมาเจ๋อตง” ทำให้จีนเริ่มยืนบนลำแข้งของตนได้ และ “ทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง” ทำให้จีนอยู่ดีกินดี “ความคิดสีจิ้นผิง” ต้องการทำให้จีนแข็งแกร่งและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!

หากให้สรุปใจความสำคัญที่สุดของ “ความคิดสีจิ้นผิง” ก็คือ “พรรคต้องมาเป็นอันดับแรก” (Party First) นับว่าเป็นแนวคิดชาตินิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีน ต่อไปนี้ พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่พรรคลัทธินิยมอีกต่อไป แต่กลายเป็นพรรคชาตินิยมเต็มตัว คือจะเป็นพรรคที่จะนำจีนไปสู่ฝั่งฝัน พรรคจะรวมศูนย์อำนาจ ปราบคอร์รัปชัน เดินหน้าปฏิรูป โดยผูกพรรคเข้ากับชาติ พรรคยิ่งใหญ่ ชาติก็ยิ่งใหญ่ (และสีจิ้นผิงเองก็ยิ่งใหญ่) ตามไปด้วย

จากที่เหมาเจ๋อตงบอกว่าจะไม่คบค้ากับตะวันตก และเติ้งเสี่ยวผิงบอกว่าให้เก็บตัวเงียบๆ เร่งพัฒนาตัวเองให้แข็งแรงก่อน สีจิ้นผิงกลับบอกว่า ตอนนี้ถึงยุคที่จีนจะเล่นบทบาทเชิงรุกในเวทีโลกแล้ว ด้วยนโยบาย One Belt One Road ซึ่งการที่จีนก้าวขึ้นมามีบทบาทเชิงรุกในเวทีโลก ก็กลับมาเสริมสร้างกระแสชาตินิยมและความภาคภูมิใจในชาติของคนจีน ให้ยังคงเชื่อมั่นในพรรคคอมมิวนิสต์ต่อไป

ส่วนในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ก็สืบต่อแนวคิดการพัฒนาที่รอบด้าน สมดุล มีคุณภาพมากขึ้นตามแนวคิดของหูจินเทา โดยเล่นบทประชานิยมว่า ต่อไปนี้เป้าหมายคือปากท้องเพิ่มรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่ใช่ดูที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียวเช่นในอดีต

เป้าหมายยิ่งใหญ่สวยหรูมากมายเช่นนี้ ใครฟังก็อาจหลงใหลเคลิบเคลิ้มเอาได้ง่ายๆ แต่นอกจากยุทธศาสตร์ยิ่งใหญ่ และทิศทางรวบอำนาจเบ็ดเสร็จชัดเจนแล้ว แนวทางปฏิรูปที่เป็นรูปธรรมคืออะไร? ท่านประธานสียังไม่ได้บอกในครั้งนี้ สงสัยอาจเพราะท่านเวลาไม่พอ เพราะแถลงแค่นี้ก็กินเวลาไป 3 ชั่วโมงแล้ว