บัตรเครดิตแข่งเดือดเคทีซีส่งสัญญาณรักษาการโต

บัตรเครดิตแข่งเดือดเคทีซีส่งสัญญาณรักษาการโต

พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 14.15-14.30 น.

           หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศเกณฑ์ควบคุมการอนุมัติวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น   เริ่มเห็นการแข่งขันของกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิตให้เห็นบ้าง

           แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนมากหนักเพราะยังอยู่ในช่วงงานพระราชพิธีแต่มีสัญญาณที่ดีว่าท้ายปีการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะมากขึ้น ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นจากภาวะปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจและการเมือง

          โดยการแข่งขันเริ่มเห็นการไปเจาะกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของ ธปท.  นั้นคือกลุ่มผู้มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป เพราะหากเป็นบัตรเครดิตสามารถปล่อยวงเงินได้ไม่เกิน 3 เท่าของรายได้ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้  

           รวมไปถึงคิดลดอัตราดอกเบี้ยที่คิดกับลูกค้ากำหนดเพดานจากเดิมบัตรเครดิตที่ 20 %  และสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เกิน 28 % เป็นไม่เกิน 18 % จะกระทบส่วนต่างกำไรดอกเบี้ย (NIM ) ทันที

           บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล  เป็นหนึ่งผู้ประกอบการที่ประกาศชัดเจนว่าจะเข้าเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น  ผ่านการตลาดด้วยโปรโมชั่นที่ไม่จำกัด

           จากช่วงที่ผ่านมา เคทีซี ได้รับผลกระทบจากความวิตกเรื่องมาตรการดังกล่าวจะมีผลต่อผลประกอบการทั้งความสามารถในการขยายพอร์ตสินเชื่อ   ฐานลูกค้ารายใหม่  กำไรที่อาจจะลดลง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเคทีซีถึง 80 % มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน

            ที่ผ่านมาด้านผู้บริหารต่างออกมาการันตรีการเติบโตในปีนี้ยังคงเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงด้วยกำไรที่เติบโตจากปีก่อน 10 % พร้อมเตรียมลงแข่งขันการทำการตลาดเพื่อรุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มขึ้น

            ‘ชุติเดช ชยุติ’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานคอร์ปอเรทไฟแนนซ์ เคทีซี เปิดเผยกับ Stock Gossip  ว่าผลกระทบจากมาตรการของธปท.ต่อผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 60 ยังไม่เห็นชัดเจน  เพราะพึ่งประกาศใช้ 1 ก.ย. ผ่านมา ซึ่งในภาพรวมถือว่าในงวดนี้ยังมีการเติบโตทรงตัวตามคาดการณ์ไว้ และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ได้สูงมากนัก

            ขณะที่ด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมกลับเห็นได้ชัดเจนมีการออกโปรโมชั่นการตลาดของหลายค่ายมากขึ้น  จากช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันซบเซาและไม่ได้มาก  ซึ่งจากนี้ไปเชื่อว่าจะเห็นบรรยากาศและสีสันการแข่งขันกลับมาอีกครั้ง

            ทางเคทีซีต้องการเพิ่มฐานลูกค้าไปยังกลุ่มมีที่รายได้ 30,000 บาทต่อเดือนให้มากขึ้น  เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง  ขณะเดียวกันฐานลูกค้าอื่นๆที่มีอยู่ยังเดินหน้าขยายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  เพราะอย่างไรยังมีความต้องการอุปโภคบริโภคในสินค้าที่จำเป็นอยู่  ซึ่งการทำการตลาดก็มีความแตกต่างกันเพื่อจูงใจให้ลูกค้าเห็นคุณค่าในบริการที่บริษัทมอบให้

            ‘มาตรการเริ่มตั้งแต่ก.ย. ซึ่งยังเห็นภาพได้ไม่ชัดว่ามีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน  เพราะทุกคนก็เริ่มแข่งขันออกโปรโมชั่น พอไตรมาส 4ปี 60 มีเดือน ต.ค. ที่ทำให้การใช้จ่ายไม่ได้สูง อาจจะต้องใช้ระยะเวลาเพื่อประเมินมากกว่านี้ แต่ยังยืนยันว่าบริษัทสามารถดำเนินตามเป้าหมายมีกำไรเติบโต 10 % ในปีนี้ ‘

            บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ธนชาต  ประเมินว่ากำไรไตรมาส 3 ปี 60 ที่ออกมาเป็นจุดสิ้นสุดเรื่องราวการเติบโตของเคทีซี ด้วยคาดการณ์ว่าไตรมาส 4 ปี 60  จะเห็นการเติบโตของกำไรลดลงเหลือ  8 % จากปีก่อน  และปี 61 -62 เติบโต 3-5 %

            ปัจจัยมาจากการปรับลดดอกเบี้ยส่งผลกระทบเต็มทีทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดลง 175 ล้านบาท ในไตรมาสสุดท้ายของปี 60  และ ลดลง 700 ล้านบาท  ในปี 61  ขณะที่ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนหุ้นกู้ที่มีอายุครบกำหนดไปเป็นหุ้นกู้ที่มีอายุยาวขึ้นเฉลี่ยเป็น 5-7 ปี ตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

            ขณะเดียวกันมี ค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น จากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  และผลจากมาตรการของ ธปท. แม้ไม่กระทบธุรกิจที่ทำอยู่แต่มีผลต่อการเติบโตในอนาคตเริ่มจำกัด

            โดยยอดการออกบัตรเครดิตใหม่คาดว่าในปีหน้าเติบโตลดลงเหลือ 6-7 % จากปีนี้ โต 9% และสินเชื่อบุคคลที่จะเติบโตลดลงมาอยู่ที่ 6 %  ในช่วงปี 61-62

            ดังนั้นจึงยังคงประมาณการผลประกอบการปีนี้เท่าเดิมแต่คาดปี 61 รายได้ลดลง 12 % กำไรลดลง  9 % ส่วนปี 62 รายได้ลดลง 18 % กำไรลดลง 16 %  ดังนั้นจึงปรับราคาเป้าหมายปีหน้าอยู่ที่ 103 บาท จากเดิม 156 บาท  

           ปัจจุบันราคาหุ้นปิดที่  131.50 บาท (17 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 4 บาท เปลี่ยนแปลง 3.14 %  ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง ท่ามกลางการเก็งกำไรรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 60