งานก่อสร้างภาครัฐพุ่ง ‘ซีฟโก้’ ปรับงานในมือปีนี้ 3พันล

งานก่อสร้างภาครัฐพุ่ง  ‘ซีฟโก้’ ปรับงานในมือปีนี้ 3พันล

พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 14.15-14.30 น.

ปี 2560 นับว่ามีการเดินหน้างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีมูลค่าสูงถึง 1.8แสนล้านบาท เฉพาะแค่งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่เปิดประมูลและเอกชนเริ่มงานก่อสร้างไปบ้างแล้วมีถึง 4 โครงการ

โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร จำนวน 30 สถานี โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร จำนวน 23 สถานี

โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร แบ่งเป็นสถานียกระดับ 7 สถานี และสถานีใต้ดิน 10 สถานี และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร จำนวน 4 สถานี

บรรดาผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่แตกแบ่งเค้กงานก่อสร้างกันไปแล้ว ส่งผลดีต่อไปยังกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรับช่วงต่อมีงานคึกคักมากขึ้นช่วงท้ายปี

‘ณรงค์ ทัศนนิพันธ์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ผู้ดำเนินธุรกิจงานเสาเข็มและฐานราก ได้เปิดเผยกับ Stock Gossip ว่าได้มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกทำรายได้ไปแล้ว 909 ล้านบาท และงานในมือ (Backlog) แตะ 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 42 ปี

โดยปัจจัยสำคัญมาจากงานภาครัฐที่มีสัดส่วนมากขึ้น หลังจากผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ได้ประมูลงานมาแล้ว ซึ่งหากเป็น บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ,บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ บริษัทได้รับงานรับเหมาต่อในการก่อสร้างฐานรากเข้ามาด้วย

ปัจจุบันงานก่อสร้างในมือได้แจ้งอย่างเป็นทางการไปได้เพิ่มขึ้นอีกอยู่ที่ 337 ล้าบาท จากในครึ่งปีแรก 1,700 ล้านบาท และปัจจุบันอยู่ที่ 2,300-2,400 ล้านบาท ซึ่งยังมีงานที่เข้ามาแล้วและได้เพิ่มเติมอีกในช่วงที่เหลือของปี ทำครึ่งปีหลังงานในมือจะไม่ต่ำกว่า 600-700 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่างานในมือในปีนี้ทำสถิติใหม่แตะที่ 3,000 ล้านบาท

‘งานรถไฟฟ้าที่เข้ามีสัดส่วนถึง 1,500-1,600 ล้านบาท หลักมีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะทยอยเข้ามาอีก และยังมีการเจรจาสายสีเหลืองกับทาง ซิโน-ไทย ฯ ทำให้ปี 60-61 บริษัทจะมีการเติบโตค่อนข้างดีมาก ‘

ขณะเดียวกันยังมีงานภาคเอกชนเข้ามา เช่น โครงการ วันแบงค็อก และ โครงการมิกซ์ยูส ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง โรงแรมดุสิตธานี และ เครือเซ็นทรัล ส่วนในต่างประเทศ บริษัทพึ่งจบดีลในต่างประเทศที่เมียนมา มูลค่า 100 ล้านบาท

ดังนั้นส่งผลทำให้รายได้ในปีนี้จะทำนิวไฮไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และทำให้สัดส่วนงานก่อสร้างในปีนี้จะกลายเป็นภาครัฐ 60 % ส่วนงานเอกชน จะอยู่ที่ 40 % และปีหน้า จะอยู่ที่ 70 และ 30 % ตามลำดับ

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SEAFCO ซึ่งได้ผ่านมติผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อวานนี้  ด้วยการหลังแตกพาร์ท จาก 1 บาท อยู่ที่ 0.50 บาท เพิ่มสภาพคล่องหุ้นจาก 305 ล้านหุ้น เป็น 1,000 ล้านหุ้น  ราคาหุ้นมาปิดที่ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 4.14% (12 ต.ค)

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 60 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง กำไรจะอยู่ที่ประมาณ 43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 239% จากปีก่อน และและ 12.7% ไตรมาสก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะยังทรงตัว เนื่องจากโครงการก่อสร้างส่วนใหญ่ยังคงเป็นงานก่อสร้างในภาคเอกชน แต่ในระยะต่อไป เชื่อว่ากำไรจะมีแนวโน้มเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องใน ไตรมาส 4ปี 60จะมีงานก่อสร้างภาครัฐเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรดีขึ้นตามไปด้วย

ล่าสุดบริษัทพึ่งงานใหม่ 337 ล้านบาท และก่อนหน้านี้อีก 276 ล้านบาท การได้งานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้งานในมือพุ่งขึ้นแรง ซึ่งทำให้แนวโน้มกำไรมีความชัดเจน หากพิจารณาและติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดจะพบว่าเพียงแค่สองสามสัปดาห์แรกของไตรมาส 4ปี 60 บริษัทรายงานว่าได้งานใหม่มาแล้วถึง 613 ล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมูลค่างานใหม่รายไตรมาสเฉลี่ย ทั้งปีที่ 700 ล้านบาท แนะนำลงทุนที่ 18.50 บาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์  (ประเทศไทย) คาดการณ์แนวโน้มกำไรปี 61 ทำสถิติสูงสุด เติบโต 48 % จากปีนี้กำไรเติบโต 25 %  จุดแข็งคือแรงงานฝีมือ และมีความเสี่ยงธุรกิจ ต่ำกว่ารับเหมาขนาดใหญ่เพราะระยะเวลาดำเนินงานสั้นทำให้มีปัญหาต้นทุนหมุนเวียนน้อยกว่า