เมื่อทรัมป์ขู่จะถล่ม เกาหลีเหนือ “ให้สิ้นซาก”!!

เมื่อทรัมป์ขู่จะถล่ม เกาหลีเหนือ “ให้สิ้นซาก”!!

ประโยคต่อไปนี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ที่กล่าวปราศรัยต่อสมัชชาสหประชาชาติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาจะต้องถูกจารึกไว้ว่า

เป็นจุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุดอะไรบางอย่างของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

“The United States has great strength and patience, but if it is forced to defend itself or its allies, we will have no choice but to totally destroy North Korea.Rocket Man is on a suicide mission for himself and for his regime. The United States is ready, willing and able, but hopefully this will not be necessary. That's what the United Nations is all about; that's what the United Nations is for. Let's see how they do.”

ทรัมป์ใช้คำว่า “ทำลายเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก” หากสหรัฐถูกบังคับให้ป้องกันตัวเองและพันธมิตร

เป็นครั้งแรกที่ผู้นำมหาอำนาจอย่างอเมริกาใช้คำว่า “ทำลายล้าง” อีกประเทศหนึ่งอย่างเปิดเผยในเวทีสหประชาชาติ

อีกทั้งยังเรียกคิมจองอึนของเกาหลีเหนือว่าเป็น “Rocket Man” หรือ “มนุษย์จรวด”ด้วยน้ำเสียงประชดประชันและเหยียบย่ำเหมือนจงใจจะยั่วให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องบันดาลโทสะเพื่อให้เกิดการเผชิญหน้ากันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจกันอีกต่อไป

สังเกตว่าทุกถ้อยคำของคำปราศรัยครั้งแรกของทรัมป์ในเวทีสหประชาชาติตั้งแต่รับตำแหน่งทำเนียบขาวนั้นมาจากสคริปต์ทุกคำ จึงไม่อาจจะบอกว่าเป็นวาทะจากความรู้สึกส่วนตัวของทรัมป์ที่มักจะใช้ศัพท์แสงนักเลงโตเพื่อความสะใจของตน

ดังนั้นทุกถ้อยคำที่ประกาศออกมา (รวมถึงการประณามอิหร่านและชาติศัตรูอื่นในตะวันออกกลางและลาตินอเมริกา) จึงต้องถือว่าเป็นนโยบายทางการของสหรัฐฯภายใต้การนำของทรัมป์

ระหว่างที่ผู้นำสหรัฐแสดงความแค้นเคืองกับโสมแดงอย่างเป็นทางการด้วยภาษาดุดันเช่นนั้น ตัวแทนเกาหลีเหนือในยูเอ็นก็นั่งอยู่แถวหน้า คอยจดทุกถ้อยประโยคของทรัมป์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง

ต้องสังเกตด้วยว่าที่ทรัมป์ป่าวประกาศความพร้อมของสหรัฐที่จะ “ทำลายเกาหลีเหนือ” อย่างราบคาบนั้นเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาตินิกกี้ ฮีลเลย์บอกอย่างเปิดเผยเช่นกันว่า “เราได้พยายามใช้วิถีทางการทูตในคณะมนตรีความมั่นคงหมดแล้ว...และดูเหมือนจะไม่ได้ผล ต่อไปก็ต้องส่งเรื่องต่อไปให้รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯแล้ว”

จะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าวอชิงตันส่งสัญญาณว่ากำลังออกแบบการใช้กำลังเพื่อจัดการกับเกาหลีเหนือหากมีการทดลองขีปนาวุธหรืออาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง

มีข่าวหลุดออกมาด้วยซ้ำว่าฝ่ายกองทัพสหรัฐได้เสนอด้วยซ้ำว่าหากโสมแดงยิงขีปนาวุธอีกครั้ง ไม่ว่าจะมีเป้าที่เกาะกวมหรือส่วนใดของสหรัฐหรือไม่ก็ตาม อเมริกาจะยิงขีปนาวุธสวนขึ้นไปเพื่อทำลายกลางอากาศทันที

หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็เกิดอะไร?

ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือสงคราม

เพราะนั่นเท่ากับมีการเริ่มใช้อาวุธร้ายแรงของทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ

เท่ากับเป็นการปิดประตูการเจรจาและเมื่อเกิดการยิงสู้กันอย่างนี้แล้วย่อมจะอยู่เหนือการควบคุมของประเทศใด ๆ รวมถึงสหประชาชาติก็คงทำอะไรไม่ได้

จึงต้องถามว่าทรัมป์โยนประโยค “totally destroy North Korea” ทำไม?

ผมเชื่อว่าเพราะทรัมป์ยังเชื่อว่าการจะต่อรองกับคิมจองอึนจะต้องใช้ภาษา “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เพราะภาษาการทูตที่ใช้มาตลอดไม่ได้มีผลในการทำให้เปียงยางยอมลดราวาศอกแต่อย่างไร

เกมนี้ทรัมป์กระโจนเข้าสู่แดนที่มีความเสี่ยงสูง โดยคาดหวังว่าการขู่ว่าจะ “ทำลายเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก” นั้นจะทำให้คิมน้อยกลัวและยอมเจรจา

แต่หากทรัมป์ประเมินผิดล่ะ? หากคิมน้อยตีความว่าอเมริกาเตรียมถล่มเกาหลีเหนือให้มลายหายไปจากพื้นโลกล่ะ?

โลกถูกดันมายืนอยู่ตรงขอบเหวแห่งความหายนะอีกครั้งหนึ่งแน่นอน