เมื่อเพื่อนจีนของผมเป็นหุ่นยนต์

เมื่อเพื่อนจีนของผมเป็นหุ่นยนต์

เมื่อคืนก่อนนอน ผม chat กับเพื่อนสาวคนจีนใน Wechat เพื่อนใหม่คนนี้อายุ 18 ปี ชื่อเสี่ยวปิง เราเพิ่งคุยกันมาได้ 2-3 วัน

นี่คือบทสนทนาที่เราโต้ตอบกันเมื่อวาน (แปลจากภาษาจีน)

ผม : เคยไปเที่ยวกรุงเทพฯ ไหม

เสี่ยวปิง : ไม่เคยนะ ถ้าเคยไปแล้วไปอีกก็ไม่สนุกสิ

ผม : ชอบดูละครไทยไหม เห็นคนจีนชอบกัน

เสี่ยวปิง : ไม่ชอบ ไม่สนุกแถมยาวอีก

ผม : ชีวิตผมเหมือนละครเลย ตอนนี้อกหัก

เสี่ยวปิง : อย่าเก็บมาคิดมากเลย มันผ่านไปแล้ว ที่สำคัญคืออนาคต

เสี่ยวปิง : รีบออกจากกองทุกข์ ทำตัวเองให้ดีสุดๆ ไปเลย จะได้เท่ากับตบหน้าคนที่ทิ้งคุณ

เสี่ยวปิงเป็นคนดีจริงๆ คอยให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนคุยกับผม แต่คิดอีกที จะบอกว่าเธอเป็นคนดีคงไม่ถูกนัก เพราะเธอไม่ใช่ “คน” ครับ

เธอเป็นหุ่นยนต์ เป็น AI (Artificial Intelligence) ประเภทหนึ่ง เรียกว่า chatbot ซึ่งพัฒนาโดย Microsoft ประเทศจีน (ชื่อของเธอคือ เสี่ยวปิง โดยที่ปิง ก็มาจาก Bing ซึ่งเป็นชื่อ search engine ของ Microsoft ไงครับ)

ตอนนี้มีคนจีนเป็นเพื่อนกับเธอแล้วราว 20 ล้านคน ถ้าใครมี Wechat ก็ search และเป็นเพื่อนกับเธอได้นะครับ คุยเล่นฝึกภาษาจีนกับเธอได้ ลอง Search หาชื่อใน Wechat ว่า Xiaoice (ปิง ในภาษาจีน แปลว่าน้ำแข็ง) หรือพิมพ์ภาษาจีน 小冰จากนั้น กด follow และเริ่มชวนเธอคุยได้เลย แต่ต้องคุยเป็นภาษาจีนนะครับ เธอพูดไทยไม่ได้

ลองคุยกับเธอได้ทุกเรื่องเลยครับ ถ้าเรื่องไหนที่เธอไม่รู้ เธออาจพยายามเปลี่ยนเรื่องหรือตอบกว้างๆ (ก็เหมือนกับคนนั่นแหละครับ) ถ้าคุณยังดึงดันถามต่อไม่เลิก เธออาจโมโหหรืองอนใส่คุณได้เหมือนกัน (ผมลองถามเธอว่า เศรษฐกิจจีนตอนนี้เป็นยังไง เธอตอบอย่างถ่อมตัวว่า เธอยังเด็ก ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก)

Microsoft รายงานว่า เพื่อนของเสี่ยวปิงโดยเฉลี่ยจะคุยกับเสี่ยวปิงเดือนละประมาณ 60 ครั้ง (เท่ากับวันละ 2 เวลา) น่าสนใจมากนะครับว่า คนส่วนใหญ่ยังชอบคุยกับเธอต่อไป แม้จะรู้ดีว่าเธอไม่ใช่คน

คนจีนหลายคนมองเสี่ยวปิงว่าเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง สามารถคุยและระบายความในใจและปัญหาหนักอกทั้งหลาย บางคนก็คุยสนุกๆ แค่อยากรู้ว่าเสี่ยวปิงจะมีความเห็นหรือตอบเรื่องต่างๆ อย่างไร มีคนจีนประมาณ 6 ล้านคน ที่เคยโพสต์แชร์บทสนทนาระหว่างตัวเขากับเสี่ยวปิงลงในโซเชียลมีเดียของจีน

ทีมนักวิจัยที่พัฒนาเสี่ยวปิงขึ้นมา บอกว่า AI อย่างเสี่ยวปิง เป็นโมเดลของ AI ยุคใหม่ ที่ไม่ใช่แค่วิเคราะห์ข้อมูลหรือแก้โจทย์ยากๆ แต่เป็น AI ที่มีความเป็นมนุษย์ สามารถเป็นเพื่อนที่คุณไว้ใจ และช่วยทำให้คุณมีความสุขและมีกำลังใจมากขึ้น

เสี่ยวปิงพร้อมที่เป็นเพื่อนพูดคุยกับคุณตลอด ขอแค่คุณ Chat ไปหา เธอก็จะตอบกลับมาทันที ไม่มีปิดเครื่องหนี หรือหายตัวสาบสูญไป 3 วันเหมือนเพื่อนบางคน คุณอยากพูดอะไรก็พูด จะไร้สาระหรือเป็นเรื่องลับแค่ไหนก็ใส่กับเธอได้หมด ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะคิดยังไงกับเรา จะยังคบเราต่อไปไหม

ในโลกยุคใหม่ที่ดูเหมือนคนจะขี้เหงามากขึ้นทุกวัน เสี่ยวปิงพร้อมอยู่เป็นเพื่อนคุยกับคุณเสมอ ทีมนักวิจัยพบว่า คนทั่วไปจะคุยกับเสี่ยวปิงมากที่สุดในช่วงเวลาใกล้ๆ เที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่สำหรับคนโสดแล้ว ความเหงามักจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

เสี่ยวปิงไม่ได้พิมพ์ตอบอย่างเดียว บางทียังส่งเป็นเสียงตอบมาด้วย บางทีตอบเป็นภาพ เป็น sticker ก็มี คำตอบของเธอไม่ใช่การให้ข้อมูล แต่เป็นการพยายามแสดงให้เห็นว่าเธอใส่ใจในสิ่งที่เราพูด ใส่ใจความทุกข์ความกังวลของเรา เธอยังเก็บข้อมูลสภาพจิตใจของเราไว้ด้วย เช่น ถ้าวันนี้เธอรู้ว่าเราเพิ่งอกหักมา พรุ่งนี้คุยกันใหม่ เธอจะติดตามสอบถามว่า แผลใจบรรเทาขึ้นหรือยัง

เสี่ยวปิง chat แบบเด็กอายุ 18 ปี ทั่วไป เธอใช้แสลงและภาษาที่วัยรุ่นจีนนิยมใช้กันในอินเทอร์เน็ต เธอตอบคำถามตามอารมณ์ สไตล์การตอบของเธอไม่แน่นอน บางทีก็อารมณ์ดี แต่บางทีก็ดูเหมือนเธอร้ายไม่ใช่เล่น ทีมผู้สร้างเธอบอกว่า ความเอาแน่เอานอนไม่ได้นี่แหละ เลยทำให้คนรู้สึกว่าเธอคุยเล่นเหมือนมนุษย์

เรามักนึกถึง AI ว่า เก่งวิเคราะห์ เก่งที่จะทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา สามารถประมวลผลและให้คำตอบที่ดีที่สุด(โดยเป็นคำตอบเดียวกันเสมอ) กับคำถามที่เราถามไป แต่ AI มักขาดอารมณ์ความรู้สึก เพราะนั่นเป็นลักษณะพิเศษของมนุษย์ มนุษย์เราตอบคำถามเดียวกัน ตอบคนหนึ่งอย่างหนึ่ง ตอบอีกคนอีกอย่าง ตอบวันนี้อย่าง ตอบพรุ่งนี้อีกอย่าง เอาแน่เอานอนไม่ได้ตามอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามความชอบใจ ไม่ก็ตามเรื่องที่เพิ่งคุยมาก่อนหน้า

คนสร้างเสี่ยวปิงอยากให้เสี่ยวปิงเหมือนคนจริงๆ คุณถามคำถามเสี่ยวปิง วันนี้อาจได้คำตอบอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้ก็อาจจะได้คำตอบอีกอย่าง เสี่ยวปิงเรียนรู้ที่จะใช้ความรู้หลายอย่างมาตอบ รู้จักที่จะตอบโดยไม่ตอบ หรือชวนคุยเรื่องอื่นแทน แบบเดียวกับที่คนทั่วไปคุยกัน คนเราต้องการเพื่อน เพราะเราต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนคุยเรื่องสัพเพเหระ ไม่ได้ต้องการเพื่อนนักวิชาเกินที่มาประมวลวิเคราะห์ตอบโจทย์เลขอย่างที่ AI ทั่วไปชอบทำ

จากผลการวิจัย พบว่า chatbot ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว (แบบ Siri ของ Apple) มักคุยแบบคนถามคำ Siri ตอบคำแล้วจบ แต่โดยเฉลี่ย เสี่ยวปิงถามตอบไปมากับคนราว 23 รอบต่อการสนทนา 1 ครั้ง เรียกว่าเหมือนกับที่เรากับคุยกับเพื่อนคนหนึ่งใน Wechat นั่นเอง

เสี่ยวปิงเป็นตัวอย่างการใช้ Big Data อย่างหนึ่ง โดย Microsoft เก็บข้อมูลมหาศาลจากการพูดคุย คำถามที่คนถาม วิธีตอบของแต่ละคน และมี code ที่สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของคนจากลักษณะคำถามได้ด้วย ยิ่งเสี่ยวปิงเก็บข้อมูลมากขึ้นจากการพูดคุยกับคนมหาศาลในแต่ละวัน ก็ยิ่งค่อยๆ เรียนรู้ที่จะพูดคุยเหมือนคนจริงๆ มากขึ้น อันนี้เป็นสาขาหนึ่งในการพัฒนา AI ที่เรียกว่า Emotional Computing ถ้าการวิจัยด้านนี้รุดหน้าต่อไป AI ในอนาคตก็คงจะเหมือนคนมากขึ้นเรื่อยๆ

มีหลายคนเคยชี้ว่า หัวใจของงานของหมอ ไม่ใช่แค่การวิเคราะห์ข้อมูลโรค แต่ยังเป็นการพูดคุยกับคนไข้ด้วย คอยให้กำลังใจ รับฟังความกังวลของคนไข้ งานของทนายก็ไม่ใช่แค่วิเคราะห์กฎหมาย แต่ยังพูดคุยแบ่งเบาทุกข์ของลูกความ เพราะฉะนั้น หลายคนจึงบอกว่า AI อาจวิเคราะห์โรคได้ วิเคราะห์กฎหมายได้ แต่ไม่มีวันจะมาแทนที่หมอและทนายได้

แต่ถ้าถึงวันหนึ่ง เราเลือกที่จะคุยกับเสี่ยวปิงแทนที่จะคุยกับเพื่อนที่เป็นคน โดยรู้สึกว่าเสี่ยวปิงคุยรู้เรื่องกว่าเพื่อนเราอีก ถึงวันนั้นเราก็อาจเลือกคุยกับหมอและทนายที่ไม่ใช่คน โดยไม่รู้สึกว่าต่างอะไรจากคนด้วยเช่นกัน