ตลาดหุ้นไทยใกล้หมดเวลารอคอย

ตลาดหุ้นไทยใกล้หมดเวลารอคอย

นักลงทุนน่าจะปรับพอร์ตลงทุนโดยลดสัดส่วนลงทุนในตลาดหุ้นไทยลง เพื่อรองรับความเสี่ยงของการปรับฐานของตลาดหุ้นอาเซียนรอบใหม่

ฉบับที่ผ่านมา ผมได้พูดถึงค่าความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ต่ำผิดปกติท่ามกลางความคล่องในระบบการเงินที่มากผิดปกติจนส่งผลให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนในหลายสินทรัพย์ต่ำเกินจริง การปรับตัวของสินทรัพย์ในหลายประเภทมีการเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งผิดไปจากสถิติตัวเลขในอดีต ส่งผลให้การบริหารจัดการความเสี่ยงมีประสิทธิภาพน้อยลง

จากที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้าว่า ตลาดหุ้นไทยนั้นมีค่าความผันผวนต่ำ แสดงว่าตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ แต่ค่าความผันผวนที่ต่ำเกินไปอาจแสดงถึงความเสี่ยงของตลาดหุ้นที่กำลังเพิ่มขึ้นก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอื่นอีกด้วย
ภายหลังบริษัทประกาศงบการเงินไตรมาสสอง ตัวเลขผลประกอบการโดยรวมต่ำกว่านักวิเคราะห์ และนักลงทุนไม่มากนัก แต่สัญญานด้านลบคือ จำนวนบริษัทที่ประกาศตัวเลขน้อยกว่าคาดเริ่มเพิ่มจำนวนสูงขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยไม่ได้สะท้อนในปัจจัยดังกล่าวมากนัก

อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ผมมักใช้ประกอบการพิจารณาทิศทางกำไรบริษัท เศรษฐกิจ และทิศทางตลาดหุ้นกลุ่มอาเซียนคือ ดัชนีสำรวจการจัดซื้อด้านอุตสาหกรรม หรือ PMI ในช่วงเวลาที่ผ่านมา 2 เดือนในไตรมาสสอง และต่อเนื่องเข้าไตรมาสสาม ดัชนีสำรวจด้านจัดซื้ออุตสาหกรรมของกลุ่มประเทศอาเซียนในหลายประเทศก็มีลักษณะอ่อนแอลง โดยคำสั่งซื้อสินค้า และ การผลิตเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งประเทศไทยเองอยู่ในในภาพหดตัวลงด้วยเช่นกัน

ข้อสำคัญประการหนึ่งคือ ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูงมากเมื่อเทียบกับผลผลิตมวลรวมของประเทศ และปกติดัชนี PMI ของอาเซียนก็ค่อนข้างสอดคล้องกับภาคการส่งออก การขยายตัวของเศรษฐกิจ และ อัตราผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นในอนาคต นั่นยิ่งทำให้ผมประเมินทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดูแย่ลงจากเดิม ขณะที่ช่วงกรอบระยะเวลาที่ดัชนี PMI นี้เริ่มมีทิศทางที่แย่ลงมีส่วนสัมพันธ์กับอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในระยะเวลาถัดไป ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ดี (ผมได้เน้นไว้ในภาพด้านล่าง)

ดังนั้น ผมแนะนำให้นักลงทุนน่าจะปรับพอร์ตลงทุนโดยลดสัดส่วนลงทุนในตลาดหุ้นไทยลง เพื่อรองรับความเสี่ยงของการปรับฐานของตลาดหุ้นอาเซียนรอบใหม่ ทั้งนี้เราสังเกตเห็นทิศทางของเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติได้ทยอยไหลออกจากตลาดหุ้นเอเซียเหนือ และอาเซียนเกิดขึ้นในช่วงกลางไตรมาสสอง โดยเราประเมินว่าทิศทางของเม็ดเงินต่างชาติน่าจะยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นเอเซียต่อเนื่องในไตรมาสสามนี้