เรื่องของบาบิโลนและรวันดาบ่งว่าคนไทยจะฆ่ากัน

เรื่องของบาบิโลนและรวันดาบ่งว่าคนไทยจะฆ่ากัน

ย้อนไปหลายพันปี พื้นที่ในย่านอิรักปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของความรุ่งเรืองและอาณาจักรบาบิโลน

ความรุ่งเรืองสืบเนื่องมาจากการค้นพบหลักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก่อนย่านอื่นของโลกเริ่มด้วยการรู้จักปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์อันเป็นฐานของการเกษตร การผลิตอาหารได้มากและแน่นอนทำให้ผู้คนในย่านนั้นตั้งบ้านเรือนถาวรและหยุดเร่ร่อนเพื่อหาของป่าและล่าสัตว์ไปตามฤดูกาล นั่นเป็นการปูฐานของสังคมเมืองและความรุ่งเรืองที่ตามมาเมื่อผู้คนมีเวลาเหลือเพื่อค้นคว้าหาความรู้ ในขณะเดียวกัน การมีทั้งเวลาและอาหารแน่นอนเอื้อให้พวกเขาผลิตประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

การเพิ่มขึ้นของประชากรสะท้อนออกมาทางการใช้ทรัพยากร แต่การใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราการเพิ่มของประชากรเพราะแต่ละคนใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นไปพร้อมกันด้วย ส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นนั้นมิใช่เพื่อสนองความจำเป็นสำหรับดำรงชีวิตอยู่ หากเพื่อสนองตัณหาของบรรดาผู้นำและคนรวย การสนองตัณหาเป็นที่มาของอนุสาวรีย์ต่าง ๆ รวมทั้ง สวนสวรรค์แห่งบาบิโลน อันโด่งดัง การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนและการใช้ทรัพยากรของแต่ละคนนำไปสู่การทำลายสิ่งแวดล้อมและการแย่งชิงกันอย่างเข้มข้นจนเป็นสงครามเมื่อทรัพยากรมีไม่พอ อาณาจักรบาบิโลนและประเทศในย่านนั้นล่มสลายจากการทำสงคราม 2 ด้าน นั่นคือ สงครามระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและสงครามระหว่างมนุษย์กับมนุษย์

สงคราม 2 ด้านนั้นยืดเยื้อมาหลายพันปีและในปัจจุบันนี้ได้ขยายออกไปทั่วโลก ในย่านตะวันออกกลาง ธรรมธรรมชาติมีทะเลทรายและน้ำเป็นอาวุธสำคัญ ส่วนมนุษย์ใช้อาวุธจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สิ่งที่แย่งชิงกันมากนอกจากน้ำคือน้ำมันปิโตรเลียม มักอ้างกันว่าปัจจัยในการสู้รบกันเป็นความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์และศาสนา แต่นั่นมิใช่ปัจจัยพื้นฐานเพราะชนเผ่าพันธุ์และศาสนาเดียวกันฆ่าฟันกันเองไม่น้อยกว่าการฆ่าฟันข้ามเผ่าพันธุ์และศาสนา ฉะนั้น ถ้ายังไม่ลดจำนวนคนและการใช้ทรัพยากรของแต่ละคนลงให้สมดุลกับทรัพยากร โอกาสที่สงครามจะยุติย่อมไม่มี

สงครามในย่านตะวันออกกลางเป็นภาพใหญ่ซึ่งเห็นได้ทั่วโลก ขณะนี้ยังมีสงครามขนาดเล็กในระดับท้องถิ่นอีกหลายแห่งรวมทั้งในทางตะวันออกของคองโกต่อกับรวันดา สงครามนี้มองได้ว่าสืบเนื่องมาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาเมื่อ 23 ปีก่อนตอนนั้นชาวรวันดาสองเผ่าพันธุ์ซึ่งอยู่ปะปนกันมานานโดยไม่มีปัญหาจับอาวุธขึ้นมาฆ่ากันไปหลายแสนคนและลี้ภัยไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งในคองโกอีกนับล้านคน ผู้ลี้ภัยเหล่านี้มีส่วนร่วมในการทำสงครามท้องถิ่นของคองโก แม้จะถูกมองว่าความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์เป็นปัจจัยทำให้เกิดโศกนาฏกรรมนั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานเป็นการแย่งชิงทรัพยากรเพราะในสงครามกลางเมืองของรวันดา ประชาชนเผ่าพันธุ์เดียวกันก็ฆ่ากันเองเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อแย่งทรัพย์สมบัติของเพื่อนบ้านโดยเฉพาะที่ดิน

ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้เกิดการแย่งชิงที่ดินกันรุนแรงถึงขั้นฉวยโอกาสฆ่าเจ้าของในตอนที่บ้านเมืองเกิดสงครามกลางเมืองนั้นมี 2 อย่างด้วยกันคือ สิทธิ์การถือครองที่ดินเป็นของผู้ชายซึ่งจะแบ่งให้ลูกชายเท่า ๆ กัน เมื่อแต่งงาน ฝ่ายชายจะมอบวัวให้พ่อแม่ของฝ่ายหญิงเป็นสินสอด ฝ่ายหญิงจะไปอยู่กับฝ่ายชายเพื่อร่วมกันทำมาหากินบนที่ดินซึ่งฝ่ายชายได้รับจากพ่อ เมื่อครั้งประชากรยังน้อย รวันดามีป่าให้หักร้างถางพงเอาที่ดิน แต่หลังประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและป่าหมดไป ชายหนุ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สามารถแต่งงานได้เพราะไม่มีวัวและที่ดิน การมีผู้ชายในบ้านหลายคนซึ่งยากจนลงเพราะขาดที่ดินเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งร้ายแรงในครอบครัว ความขัดแย้งนี้ขยายออกไปถึงเพื่อนบ้านที่สะสมที่ดินไว้มากและมีลักษณะเป็นไฟสุมขอนมาเป็นเวลานานก่อนวันระเบิดเมื่อเดือนเม.ย. 2537

บาบิโลนล่มไปนานและรวันดาอยู่ไกล ชาวไทยอาจไม่ตระหนัก ขอเรียนว่า ถ้าผู้นำไทยปล่อยให้การแย่งชิงทรัพยากรในเมืองไทยส่งผลให้คนรวยกลุ่มเล็ก ๆ ได้ทรัพยากรไปมากขึ้นกว่าในปัจจุบันแม้การแย่งชิงนั้นจะถูกกฎหมายหรือไม่ปรากฏแก่สายตา การฆ่าแกงกันโดยอาจอ้างเผ่าพันธุ์จะเกิดขึ้นในเมืองไทยแน่นอน