สภาพหมาหัวเน่ากับภูเขาน้ำแข็ง

สภาพหมาหัวเน่ากับภูเขาน้ำแข็ง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลบ่งว่ารอยร้าวบนแผ่นน้ำแข็งใกล้ขั้วโลกใต้ได้กลายเป็นการแตกโดยสมบูรณ์แล้ว

ส่วนที่แตกออกไปเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาด 6,000 ตารางกิโลเมตร หรือ ราว 4 เท่าของพื้นที่กรุงเทพฯ นับว่าเป็นภูเขาน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดลูกหนึ่งในประวัติศาสตร์ ในขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะลอยไปทางไหนและจะใช้เวลานานเท่าไรจึงจะละลายหมด ข้อมูลจากภูเขาน้ำแข็งรุ่นก่อนบ่งว่ามันคงใช้เวลากว่า 10 ปี อย่างไรก็ดี มันคงไม่ก่อปัญหาสาหัสถึงขนาดทำให้เรือใหญ่อัปปางเช่นในกรณีของเรือโดยสารไททานิคเมื่อ 105 ปีที่แล้ว ทั้งนี้เพราะย่านที่มันจะลอยไปไม่ใช่เส้นทางเดินเรือเช่นทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก

 

ปรากฏการณ์ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้มีผลทำให้บางวงการพูดถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อนอย่างเข้มข้นอีกครั้งแม้ภาวะนั้นอาจไม่มีส่วนทำให้เกิดปรากฏการณ์ก็ตาม องค์กรภูมิศาสตร์แห่งชาติ (National Geographic) ออกมาเสนอเรื่องเมืองต่าง ๆ ของอเมริกาที่จะถูกน้ำท่วมอีกครั้งเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลายต่อไปส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์กรนี้ชี้ว่า ภายในเวลา 20 ปี เมืองและชุมชนต่าง ๆ ของอเมริกาที่จะถูกน้ำท่วมแบบแทบอยู่ไม่ได้จะเพิ่มจากราว 90 แห่งเป็น 170 แห่ง และอีกราว 80 ปี ชุมชนเช่นนี้จะเพิ่มเป็น 670 แห่ง การเสนอข้อมูลขององค์กรนี้ทำให้มีการพูดถึงเมืองขนาดใหญ่ที่จะเสียหายมากที่สุดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง กรุงเทพฯ เป็น 1 ใน 20 เมืองขนาดใหญ่ในกลุ่มนี้ด้วย

 

การพูดถึงภาวะโลกร้อนในช่วงนี้ย่อมมีการพูดถึงจุดยืนของอเมริกานำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้เพราะเขานำอเมริกาออกจากสนธิสัญญาปารีสซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน จุดยืนนั้นทำให้เขาตกอยู่ในสภาพ “หมาหัวเน่า” ในการประชุมกลุ่ม 20 ในเยอรมนีเมื่อสัปดาห์ก่อน สภาพนี้สะท้อนออกมาในภาพที่สื่อนำมาเผยแพร่เมื่อผู้นำของประเทศต่าง ๆ จับกลุ่มคุยกัน แต่ไม่มีใครคุยกับนายทรัมป์ทั้งที่เขาเป็นผู้นำของประเทศมหาอำนาจอันดับต้น หลังจากนายทรัมป์บินไปร่วมการฉลองวันชาติฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวว่าเขาอาจเปลี่ยนจุดยืนโดยหันกลับไปร่วมมือกับชาวโลกส่วนใหญ่ในการดำเนินมาตรการป้องกันมิให้ภาวะโลกร้อนร้ายแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เงียบหายไปหลังจากเขาบินกลับอเมริกา

 

จุดยืนของนายทรัมป์ที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพหมาหัวเน่าเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับข่าวเรื่องประเทศต่าง ๆ ในยุโรปจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมด อาทิเช่น นอร์เวย์ ตั้งเป้าว่าจะทำให้สำเร็จในอีก 8 ปีข้างหน้า ต่อจากนั้นจะเป็นเนเธอร์แลนด์ ส่วนฝรั่งเศสกำลังพิจารณาว่าจะใช้เวลาอีกนานเท่าไรจึงจะทำได้ ในขณะนี้ มีรายงานว่าคงเป็นอีก 22 ปี ในบรรดาประเทศเหล่านี้ นอร์เวย์เป็นที่น่าสังเกตเป็นพิเศษเพราะเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันสูงมากทำให้มีกองทุนจากการขายน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อออมทรัพย์สินไว้ให้คนรุ่นหลังดังที่คอลัมน์นี้เคยเอ่ยถึงแล้ว การเป็นผู้นำในการเลิกใช้รถยนต์พลังงานน้ำมันคงจะมีผลกระทบต่อรายได้จากการขายน้ำมัน แต่นอร์เวย์ไม่มองว่าประเด็นนั้นสำคัญกว่าการป้องกันมิให้ภาวะโลกร้อนเลวร้ายยิ่งขึ้น

 

ในขณะเดียวกัน นายทรัมป์กำลังเป็นหมาหัวเน่าภายในประเทศของตนด้วย ทั้งนี้เพราะผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นจำนวนมากไม่เปลี่ยนจุดยืนไปตามเขา ตรงข้าม จำนวนมากพยายามเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการป้องกันความร้ายแรงของภาวะโลกร้อน ในกลุ่มนี้มีรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นผู้นำโดยการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวันจันทร์นี้เอง แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของอเมริกาและเป็นผู้นำในด้านการมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองใหม่เสมอจนเป็นที่พูดถึงกันบ่อยว่าไม่ช้ารัฐนี้จะประกาศเอกราช

 

หันมาดูเมืองไทย หวังว่าในการร่างยุทธศาสตร์ชาติได้มีการพิจารณายกเลิกเครื่องยนต์พลังน้ำมันอย่างน้อยเป็นบางส่วนในเร็ววันพร้อมกับการย้ายศูนย์ราชการไปไว้ ณ เมืองใหม่ ผู้ใดอาศัยอยู่ในย่านแจ้งวัฒนะเมื่อปี 2554 จะตระหนักดีว่า ถึงเวลาสร้างเมืองใหม่ไว้สำหรับรองรับกระทรวงทบวงกรมอย่างเร่งด่วนแล้ว