เดทกับผมไหมครับ...ผมได้ “5”

เดทกับผมไหมครับ...ผมได้ “5”

เดทกับผมไหมครับ...ผมได้ “5”

เว็บไซด์คนโสดที่ประเทศจีน นอกจากชายหนุ่มจะเลือกภาพที่ดีที่สุด และพรรณาอุปนิสัยที่น่ารักแล้ว บางคนยังระบุคะแนน เครดิตทางสังคมอีกด้วย

คุณสุภาพสตรีจะสนใจไหม ถ้าเขาบอกว่าผมได้ 5 คะแนน ออกเดทกับผมเถอะครับเพราะจากสเกล 1 ถึง 5 เขาได้เต็ม 5 ก็ถือว่าเป็น “คนดี” ที่น่าออกเดทด้วย เพราะผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว ทั้งด้านการเงิน สังคม การเมือง ฯลฯ

ในการดำเนินชีวิต เราต้องมีปฏิสัมพันธ์และธุรกรรมกับบุคคลจำนวนมาก ซึ่ง ความน่าเชื่อถือของผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรา เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมีคนจำนวนหนึ่ง ที่หลอกลวงผู้อื่นในทุกรูปแบบ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีประเมินความน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง

ในทางการเงิน มีวิธีการทางสถิติ เช่นสมัยที่ผมทำงานธนาคาร ก็ได้นำระบบ เครดิตสกอร์ริ่งมาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิต ที่มีรายได้น้อย จะไม่ด้อยคุณภาพจนก่อให้เกิดความเสียหายมากจนเกินไป

สมัยทำงานที่ ทริสเรทติ้ง ผมก็ใช้ วิธีการจัดอันดับเครดิต เพื่อประเมินและระบุความเสี่ยงให้นักลงทุนทราบว่า บริษัทต่างๆและหุ้นกู้รุ่นต่างๆ มีโอกาสที่จะผิดนัดชำระหนี้ มากน้อยเพียงใด โดยใช้โมเดลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ

สังคมมีการประเมินความน่าเชื่อถือ หลายรูปแบบ เช่น การจัดอันดับเครดิต ศูนย์ข้อมูลเครดิต การจัดอันดับมหาวิทยาลัย ฯลฯ จนถึงยุคดิจิทัล ก็มีการจัดอันดับคู่ค้า เช่นผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการอูเบอร์ ต่างประเมินซึ่งกันและกัน ถือว่าเป็นการบันทึกข้อมูลความน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสิ้น ข้อมูลเหล่านี้ เป็นประโยชน์ในการทำธุรกรรม เพราะต่างฝ่ายต่างก็​​ “รู้” คะแนนของอีกฝ่ายหนึ่ง

ที่ประเทศจีน รัฐบาลกำลังมุ่งไปไกลกว่านั้น เขามีเป้าหมายว่าภายในปี 2020 คนจีนทุกคน (1,380 ล้านคน) จะต้องมีคะแนน เครดิตทางสังคม(Social Credit Rating) ด้วย

รัฐบาลจีนประกาศนโยบายดังกล่าว เมื่อปี 2014และเริ่มทำอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2015 โดยเริ่มทดลองแล้วหลายแห่ง เช่นหังโจว และเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น

บริษัทหลายแห่ง ก็เต็มใจให้ความร่วมมือ ถ้าเราไปประเทศจีน จะเห็นรถจักรยานให้เช่า จอดอยู่ตามข้างถนน ใครอยากใช้ ก็ใส่รหัส หรือ อ่านคิวอาร์โค้ด แล้วขี่ออกไปได้เลย จ่ายค่าเช่าราคาถูก เมื่อถึงปลายทางก็นำไปจอดล้อคไว้ ในจุดจอดหรือลานจอดใกล้ที่สุดที่บริษัทจัดไว้ให้

Mobike ผู้ประกอบการรายหนึ่ง บอกว่า ลูกค้าบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา เช่นไม่จอดรถในที่ที่ควรจอด เปลี่ยนคิวอาร์โค้ด หรือขโมยชิ้นส่วนของรถออกไป ฯลฯ Mobike บันทึกพฤติกรรมเหล่านี้ไว้ แล้วหักคะแนนจาก 100 ถ้าต่ำกว่า 80 เมื่อใด ก็มิให้ใช้บริการอีกในอนาคต

Alibaba ก็มีโครงการคล้ายกัน เพราะธุรกิจของเขามีหลากหลาย มีข้อมูลการซื้อขาย การจ่ายเงิน การร้องเรียน ฯลฯ ซึ่งถูกบันทึกในระบบข้อมูลทั้งสิ้น เป็น บิ๊กดาต้า ที่สามารถวิเคราะห์และให้คะแนนบุคคลและร้านค้าได้ โดยให้คะแนนผ่านบัตรที่เรียกว่า Sesame Card

แจ้ค หม่า เคยพูดสนุกๆ บนเวทีว่า พ่อแม่บางคน เมื่อมีชายหนุ่มมาจีบลูกสาว ก็จะขอให้ชายหนุ่มเปิดเผย คะแนน Sesame Cardเสียก่อน จึงจะอนุญาตให้เดท หรือแต่งงานกับลูกสาวได้

Mobike หรือ Alibabaพัฒนาคะแนนเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ในการทำธุรกรรมของเขาเอง แต่พอ รัฐบาลจีนประกาศเป็นนโยบายระดับชาติ และเดินหน้าอย่างแน่วแน่ ก็มีทั้งข้อสนับสนุนและข้อวิจารณ์

ประกาศนโยบายเมื่อ 3 ปีก่อน ได้รับเสียงสนับสนุนมาก เพราะประชาชนเบื่อหน่ายการถูกหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ คะแนนนี้จะเกิดประโยชน์ ในการทำธุรกรรมกับคนที่เราไม่รู้จัก เช่นถ้าได้คะแนนสูง ก็สามารถเช่ารถได้โดยไม่ต้องวางเงินมัดจำ หรือเมื่อไปโรงพยาบาล ก็จ่ายเงินภายหลังได้ โดยไม่ต้องไปรอคิวจ่ายเงิน เป็นต้น

ต่อมากลับกลายเป็นข้อวิจารณ์ เพราะการตัดคะแนนจะเกิดผลกระทบมากมาย เช่นเมื่อคะแนนลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงระดับหนึ่ง จะไม่สามารถทำธุรกรรมเรื่องอื่นได้ เช่นไม่ให้ซื้อตั๋วรถไฟ หรือตั๋วเครื่องบิน ห้ามส่งลูกเข้าโรงเรียนดีๆ เสียสิทธิการประกันสังคม ห้ามเข้าพักโรงแรม 4-5 ดาว ห้ามรับประทานอาหารในภัตตาคารพรีเมี่ยม ห้ามสมัครงานในตำแหน่งสาธารณะ ฯลฯ เป็นต้น

ข้อวิจารณ์ตรงนี้ก็คือ พฤติกรรมอย่างหนึ่งไม่ควรไปกระทบสิทธิอย่างอื่น เช่นพฤติกรรมด้านสินเชื่อ ก็ควรได้รับผลกระทบในการขอสินเชื่อในอนาคตเท่านั้น ไม่ควรกระทบเรื่องอื่นๆ มากมายเช่นนี้

ข้อวิจารณ์อีกข้อหนึ่งก็คือ คะแนนนี้ คำนวณมาจากพฤติกรรมหลากหลาย ไม่ใช่เฉพาะการซื้อ ขาย หรือการกู้ยืม เท่านั้น แต่รวมคะแนนอื่นๆ เช่น การขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง ประเภทของสินค้าที่สั่งซื้อ พฤติกรรมการเสียภาษี การชำระเงิน การวิจารณ์ทางการเมือง ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ จะทำให้คะแนนลดลง เป็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต

พูดง่ายๆก็คือถูกมองว่า รัฐกำลังจะควบคุมประชาชน ด้วยการใช้ประโยชน์จาก บิ๊กดาต้า และ “โครงการเครดิตทางสังคม” จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้รัฐได้รับข้อมูลทุกอย่างของทุกคน รวมทั้งคนที่ต่อต้านรัฐด้วย ทำให้เป็นเครื่องมือกำกับการใช้ชีวิตของแต่ละคน ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ

แต่แม้จะมีข้อวิจารณ์หลากหลาย รัฐบาลจีนก็คงเดินหน้าต่อไป เพราะประเทศนี้ จากประวัติศาสตร์เราก็เห็นว่า รัฐทำตามนโยบาย ได้สำเร็จเสมอ

เรื่องราวที่ผมเล่ามานี้ ภาพยนตร์ซีรี่ส์ เรื่อง Black Mirror ได้นำเสนอตอน Nosedived เมื่อเดือน ตุลาคม 2559 เป็นเรื่องราวของสังคม ที่มนุษย์ให้คะแนนกันและกัน มีตัวละครเอกชื่อ ลูซี่ เธอได้ 4.2 จาก 5 คะแนน

แต่เธอต้องได้ 4.5 คะแนน จึงจะเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่ดีกว่านี้ได้ ดังนั้นเมื่อเพื่อนสนิทคะแนน 4.5เชิญเธอไปกล่าวอวยพรในวันแต่งงาน เธอจึงรีบไปสนามบินเพื่อเดินทาง พอถึงสนามบิน เธอทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ คนที่สนามบินลดคะแนนของเธอเหลือ 3.1 หมดสิทธิขึ้นเครื่องบิน

เธอไปเช่ารถยนต์ แต่ 3.1 ก็เช่าได้เฉพาะรถเก่า รถเสียตลอดทาง เธอจึงใช้วิธีโบกมือขออาศัยรถ ก็ไม่มีใครรับ เพราะคะแนนเธอต่ำ เธอทะเลาะกับผู้คนไปเรื่อยๆ เมื่อไปถึงงานวิวาห์ เพื่อนสนิทไม่ให้ขึ้นกล่าวอวยพร เพราะเธอคะแนนต่ำมาก และเมาเหล้า ผู้ร่วมงานลดคะแนนของเธออีก จนเหลือ 0

ลูซี่ อาละวาดจนถูกจับติดคุก เธอทะเลาะต่อกับนักโทษในคุก ถึงตอนนี้ ลูซี่กลับทะเลาะอย่างมีความสุข เพราะเธอรู้ว่าคะแนนไม่มีวันต่ำไปกว่า 0อีกแล้ว

นั่นเป็นภาพยนตร์....แต่ในชีวิตจริง ซึ่งจีนกำลังทำอยู่นี้ มีผู้วิจารณ์ไป ในทางตรงกันข้ามว่า ในสังคมอุปถัมป์ และสังคมที่คอรัปชั่นเยอะๆ มีโอกาสที่จะใช้เงิน ซื้อคะแนนเพื่อเพิ่มเครดิตทางสังคม ได้หรือไม่ ถ้าได้ จะซื้อวิธีใด.....

เรื่องนี้ง่ายมาก มาทดลองทำในประเทศไทยดูสิครับ.... เดี๋ยวเดียวก็ได้คำตอบ