มะกันมีเคือง เพราะจีนยังค้ากับเกาหลีเหนือ

มะกันมีเคือง เพราะจีนยังค้ากับเกาหลีเหนือ

จริงหรือที่การค้าระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือ เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีทั้ง ๆ ที่ปักกิ่งรับปากอเมริกา ว่าจะช่วยกัน “กดดัน” เปียงยาง

เพื่อให้ระงับการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์

ผมตรวจข้อมูลแล้วเป็นอย่างนั้นจริง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่า การค้าขายระหว่างสองประเทศนี้ในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเกือบ 40% อันเป็นเหตุให้ทรัมป์เขียนในทวิตเตอร์ทำนองประชดประชันปักกิ่งว่า “นี่ไง...พยายามที่สุดแล้ว”

ตัวเลขอีกชุดหนึ่งจากศุลกากรของจีนในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ ยอดค้าขายสองประเทศเพิ่มขึ้น 15% แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกาหลีเหนือซื้อจากจีน ขณะที่ สินค้าเกาหลีเหนือเข้าจีนลดลง

สินค้าที่เกาหลีเหนือซื้อจากจีนส่วนใหญ่เป็นน้ำมันและสินค้าบริโภค ขณะที่ จีนซื้อเหล็กจากเกาหลีเหนือ แต่ระงับการซื้อถ่านหิน

โดนัลด์ ทรัมป์ เห็นว่าการที่การค้าระหว่างสองประเทศยังมีอัตราเพิ่ม ก็แปลว่าปักกิ่งไม่ได้กดดันเปียงยางอย่างเป็นรูปธรรม มิหนำซ้ำอาจจะเป็นเรื่องของ “ปากว่าตาขยิบ” มากกว่าจะเป็นการร่วมมือกับวอชิงตันในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

แม้จีนจะได้แสดงความหงุดหงิดกับเกาหลีเหนือไม่น้อย แต่ก็ไม่พร้อมที่จะดันเกาหลีเหนือให้หลังติดกำแพง เพราะกลัวว่าหากตัดน้ำเลี้ยงกันจริงๆ รัฐบาลเกาหลีเหนืออาจจะล่มสลาย

จีนกลัวเกาหลีเหนือจะพังเพราะอาจจะทำให้คนเกาหลีเหนือหลายล้านคนหนีตายข้ามมาจีน ก่อให้เกิดวิกฤตทางด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมืองที่อยู่เหนือการควบคุมได้

ความจริง จีนเพิ่งจะยอมทำตามมติสหประชาชาติ ในการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือบางรายการเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วนี่เอง... หลังจากที่ คิมจองอึน ทดลองขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องโดยไม่ฟังเสียงปรามจากปักกิ่ง

กรณีเยอรมันตะวันออกล่มสลายในอดีต ทำให้เยอรมันตะวันตกต้องตกอยู่ในสภาพลำบากอยู่หลายปี

เกาหลีใต้ได้ศึกษากรณีเยอรมันตะวันออกและตะวันตกอย่างละเอียด มีข้อสรุปว่าหากจะมีการรวมชาติเกาหลีทั้งสองจะต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน เพราะหากเกิดอย่างฉับพลันกะทันหัน อาจจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่มีผลร้ายแรงเกินกว่าที่จะบริหารได้

ตัวเลขทางการของจีนบอกว่ายอดการซื้อขายระหว่างสองประเทศ ในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2,100 ล้านเหรียญหรือ ประมาณ 73,000 ล้านบาท ซึ่งสำหรับจีนแล้วเล็กน้อยมาก แต่ปริมาณการค้าขายไม่สำคัญเท่ากับความละเอียดอ่อนทางการเมือง ที่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างกันและความเกี่ยวโยงระหว่างจีนกับสหรัฐมากโขอยู่

ที่ผ่านมาต้องถือว่าเกาหลีเหนือมีความ “อึด” ไม่น้อยเพราะถูกสหประชาชาติคว่ำบาตรหลาย ๆ ด้านมาหลายปี แต่ผู้นำเกาหลีเหนือก็ยืนหยัด ไม่ยอมถอย โดยหวังพึ่งจีน รัสเซียและประเทศอื่น ๆ อีกไม่กี่ประเทศที่ยังคบค้ากับเปียงยางโดยเสี่ยงกับการถูกสหรัฐและยุโรปอื่น ๆ ลงโทษเพราะไปเอื้อประโยชน์ต่อเกาหลีเหนือ

สหรัฐเพิ่งจะลงโทษธนาคารจีนและบริษัทขนส่งทางเรือของจีนเพราะยังทำธุรกิจกับเกาหลีเหนือโดยไม่ได้แจ้งหรือปรึกษาหารือกับรัฐบาลจีนก่อน จึงทำให้ปักกิ่งมีความหงุดหงิดไม่น้อย

จีนจะลดการค้าขายกับเกาหลีเหนือเพิ่มเพื่อเอาใจทรัมป์หรือไม่ยังไม่แน่ชัด แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทรัมป์คือจะกดดันจีนให้กดดันเกาหลีเหนือต่อไปอย่างไรในเมื่อทรัมป์ได้ใช้ทวีตเตอร์ต่อว่าต่อขานจีนอย่างเปิดเผยอย่างนี้แล้ว

สำหรับจีนเรื่องของ “หน้า” เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นการที่ทรัมป์ใช้ทวิตเตอร์วิพากษ์จีนอย่างเปิดเผย เรื่องค้าขายระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน จึงเท่ากับเป็นการสร้างอุปสรรคของความร่วมมือ ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง

ทรัมป์กับ สีจิ้นผิง เหมือนจะคุยกันรู้เรื่อง แต่เอาเข้าจริง ๆ ต่างคนต่างก็มีจุดยืนที่ปกป้องผลประโยชน์ของตนก่อนอะไรอย่างอื่นแน่นอน