ทำงานด้วยสติปัญญา สำคัญกว่าความสามารถทางเทคนิค

ทำงานด้วยสติปัญญา สำคัญกว่าความสามารถทางเทคนิค

ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของดิจิทัล ทำให้วิธีการทำงานเปลี่ยนแปลงไป

 หลายคนกังวลว่าระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาดมากขึ้น จะมาแย่งงานไปจากคน แต่ไม่ว่าเครื่องจักรจะเก่งมากขึ้นแค่ไหน การงานในโลกนี้ยังต้องการคนที่มีความสามารถในการในการทำงานด้วยสติปัญญา รถขับเคลื่อนเองได้ เหมือนกับที่มีคนขับ รถกับคนเก่งทางเทคนิคไม่ต่างกัน แต่รถที่ขับเองได้ไม่มีวันรู้ว่าทำไมต้องเดินทางไปยังที่หมายปลายทางนั้น แต่คนที่ใช้สติปัญญาในการทำงานบอกได้ว่าทำไมต้องไปที่นั่น 

ในขณะที่หลายคนในบ้านเราเรียกร้องให้มีการผลิตบัณฑิตให้สามารถทำงานได้ทันทีที่สำเร็จการศึกษา โดยเสนอให้มีการฝึกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมกำลังใช้กันอยู่ในปัจจุบันให้มากขึ้นในระหว่างเล่าเรียน ซึ่งดูเหมือนว่าดีสำหรับการงานในวันนี้ 

แต่การทุ่มเทเวลาไปกับเครื่องมือต่าง ๆ โดยหวังว่าจบไปจะได้ใช้เครื่องมือนั้นได้ทันที ไม่มีอะไรประกันว่าในวันหน้าได้ว่าเรียนจบไปแล้ว เครื่องมือที่ฝึกมามากมายนั้นจะยังอยู่เหมือนเดิม ยังใช้กันแบบเดิม เพราะเครื่องมือต่าง ๆเปลี่ยนแปลงไปเร็วมา ปีสองปีก็มีสมารท์โฟนใหม่ ๆออกมาพร้อม ๆกับวิธีการใช้งานแบบใหม่ ที่ต่างไปจากเดิม ฝึกมาสองสามปี จบมาก็เจอเครื่องมือใหม่ 

ถ้าฝึกกันมาแค่เทคนิคการใช้งาน ไม่ได้ฝึกให้มีความสามารถในการใช้สติปัญญาในการทำงานกับเครื่องมือนั้น ฝึกเหมือนกับการโปรแกรมหุ่นยนต์ คือมีขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน หนึ่งกดปุ่มนั้น สองปิดตรงนั้น สามเปิดตรงนี้ เจอเครื่องมือใหม่ก็ต้องรอให้ใครมาฝึกให้อีก เพราะไม่เคยฝึกให้สามารถใช้สติปัญญาในการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ ๆนั้นด้วยตนเองได้ เจอเครื่องมือใหม่ก็ใช้แบบฟุ่มเฟือย ไม่พอเหมาะพอควร ใช้เครื่องมือที่ตนเองฝึกมาแบบขี่ช้างจับตักแตน เพราะไม่เคยคิดว่าจะใช้งานเครื่องมือ แค่ไหนจึงจะคุ้มค่าคุ้มราคา

การฝึกคนเพื่อรับมืองานใหม่ ๆในยุคดิจิทัล จึงไม่เน้นการฝึกการใช้เครื่องมือทางเทคนิคทั้งหลาย เพราะผลการศึกษาของWorld Economy Forum เรื่องFuture of Jobs บอกว่าในอนาคต ความสามารถทางเทคนิคในการใช้เครื่องมือ มีบทบาทแค่ 10% ของความสำเร็จของงาน แต่ความสามารถในการใช้สติปัญญาในการทำงานมีบทบาทต่อความสำเร็จของงานกว่า 40% เพราะวันหน้าเครื่องจักรอาจมีความสามารถทางเทคนิคไม่แตกต่างจากที่คนเรามี

 เครื่องมือเทคนิคใด ๆ จะใหม่ หรือจะเก่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญคือเรามีสติปัญญาคิดได้ว่างานนั้นจะสำเร็จได้ ต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง และใช้แบบไหน 

ซึ่งคนที่จะทำแบบนี้ได้ ต้องถูกฝึกให้มองเห็นความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการงานนั้น รวมถึงเครื่องมือและทรัพยากรอื่นๆ ได้ในหลายหนทาง หลายรูปแบบ ต้องมองเห็นว่าอะไรเกี่ยวข้องกับอะไร ในรูปแบบใด ๆได้บ้าง จับแพะชนแกะให้เป็นวิธีทำงานที่สามารถใช้ทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ 

 คนที่ใช้สติปัญญาในการทำงาน ต้องมองออกล่วงหน้าว่า เอาอะไรต่อกับอะไรแล้วน่าจะถูกทาง หรือผิดทาง แทนการลองผิดลองถูกไปอย่างไม่ใช้ความคิด มองออกว่าอะไรน่าจะกำลังจะมีปัญหา แทนที่จะทำงานไปเรื่อย ๆจนกระทั่งเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ค่อยมาหาหนทางแก้ปัญหาต่อไป มองออกว่าเอาอะไรมาใช้งานร่วมกับอะไร แล้วได้ของใหม่ที่แตกต่างไปจากของเดิมที่เคยมีมา โดยเป็นของใหม่ที่มีคุณค่า มีประโยชน์มากว่าที่เคยมีอยู่ และต้องรู้จักใช้การคำนวณต่างๆ มาช่วยในการคิด การวิเคราะห์แทนการที่จะใช้มโนว่าควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้จากประสบการณ์ที่เคยเห็นเคยเจอมาก่อน 

การเลือกใช้วิธีการคำนวณที่เหมาะสมกับบริบทของงานนั้น ช่วยให้ประเมินความเป็นไปได้ หรือประเมินขนาดของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น สามารถจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างพอเพียง ไม่มากไม่น้อยเกินไป โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงลงมือทำไปทั้ง ๆที่ยังไม่รู้ว่ามีโอกาสที่จะสำเร็จแค่ไหน หรือกำลังทำงานไปแก้ปัญหาเล็กใหญ่เพียงใด ถ้าไม่สามารถคำนวณได้ว่าซื้อลอตเตอรี่แล้วมีโอกาสถูกรางวัลมากน้อยแค่ไหน ลอตเตอรี่ก็ยังเป็นหนทางไปสู่ความร่ำรวยของคนบางคน

การงานในอนาคตต้องการคนที่สามารถใช้สติปัญญาในการทำงาน มากกว่าคนที่คิดว่าตนเองเก่งเทคนิคมากว่าเครื่องจักรสมัยใหม่