Digital Marketing สำหรับตลาดจีน

Digital Marketing สำหรับตลาดจีน

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดจำนวนไม่น้อย ที่สนใจอยากทำการตลาดไปยังประเทศจีน!

ไม่น่าแปลกใจครับ ถ้าพลิกดูสถิติคนจีน ที่มาเที่ยวเมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว มีจำนวนถึง 10 ล้านคน จัดเป็นประเทศท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของคนจีน

ประเทศท่องเที่ยวท็อปฮิตของคนจีน จะมีอยู่ 3 ประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี หากเอาจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น รวมกับนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวเกาหลี รวมกันสองประเทศ ยังสู้นักท่องเที่ยวจีน ที่เลือกมาเที่ยวเมืองไทยที่เดียวไม่ได้เลย ประเทศไทยเป็นที่รักของชาวจีนมากๆ

ถ้าไม่มีการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญที่เป็นข่าวดังเมื่อปีที่แล้ว คิดว่าตัวเลขน่าจะยิ่งสูงกว่านี้อีก

แน่นอนครับ คนจีนที่มาเที่ยวเมืองไทย ไม่ได้มามือเปล่ากัน ส่วนใหญ่จะพกตังค์ปึกหนาๆ กินช็อบ ใช้จ่ายกันอย่างเต็มที่ ในแง่ของนักธุรกิจและนักการตลาด จึงจดจ้องกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกันอย่างตาเป็นมัน

ผมไม่แปลกใจเท่าไรนักที่เห็น 7-11 บางสาขา ถึงกับทำมุมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนขึ้นมาโดยเฉพาะ มีการติดป้ายเป็นภาษาจีน เชื้อเชิญให้มาช็อป แถมยินดีรับ Ali Pay ระบบ Online Payment อันดับหนึ่งของจีนอีกด้วย

ว่ากันว่า King Power ดิวตี้อันดับหนึ่งของประเทศ ยอดขายของสินค้าทั้งหมด เป็นของคนจีนถึง 70-80%

ด้วยความร้อนแรงขนาดนี้ มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยเลย ที่เข้ามาขอคำแนะนำ อยากจะทำ Digital Marketing ไปยังประเทศจีน เพื่อให้สินค้าของตนเป็นที่รู้จักของชาวจีนมากขึ้น

อาจจะด้วยชื่อ “โซวบักท้ง” ซึ่งเป็นภาษาจีนอย่างเด่นชัด ทุกคนจึงมโน คิดว่าผมน่าจะเป็น Expert ในเรื่องนี้

อยากจะร้องตะโกนบอกทุกคนว่า “ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบ” คุณคิดถูกแล้ว โชคดีมากๆ ที่มีเพื่อนเป็นชาวจีน ผมจึงรีบวิ่งไปขอข้อมูลอย่างไม่รอช้า

จริงๆ การทำ Digital Marketing ไปยังประเทศจีน จะว่ายาก ก็ไม่ยาก จะว่าง่าย ก็ไม่ง่ายครับ

โดยหลักการและวิธีคิดแล้ว ไม่ได้ต่างอะไรกับการทำ Digital Marketing ในประเทศไทยเลย เพียงแต่ว่า Tool หรือ“เครื่องมือ” ที่ใช้ในการทำการตลาดจะมีความแตกต่างกัน เนื่องด้วยรัฐบาลจีน ทำการบล็อกพวก Digital Tool หลักๆจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด

Line, Google, Facebook, Youtube หมดโอกาสแจ้งเกิดในจีน !

คนจีนชอบ Search คนหาข้อมูลเช่นเดียวกับคนไทยครับ เพียงแต่ว่าไม่ได้ใช้ Google แต่ใช้ Search Engine ที่มีชื่อว่า Baidu แทน หลังจากผมลองเข้าไปดูระบบโฆษณาของ Baidu แล้ว ถึงกับอุทานร้อง ไอ๊หยา !! นี่มันระบบโคลนนิ่งของ Google ชัดๆ เรียกว่าอะไรที่ Google มี Baidu ก็มีเหมือนกัน ต่างกันแค่ที่ Baidu ทำออกมาเป็นภาษาจีน

Baidu มีระบบ Keyword Planner ให้ใช้เช่นเดียวกับ Google ซึ่ง ทำให้เรารู้ได้ทันทีว่า คนจีน search หาอะไรในเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้อมูล โรงแรม ข้อมูลท่องเที่ยว ข้อมูลของฝาก ที่น่าสนใจผมพบว่า มีคนจีนไม่น้อย อยากมาถ่ายภาพแต่งงานในประเทศไทยและมีกลุ่มหนึ่งที่พยายามหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศของเรา !

คนจีนชอบเล่น Social Media เช่นเดียวกับคนไทย เพียงแต่ว่าเค้าจะไม่ได้เล่น Facebook กัน แต่เล่น Social Media ที่มีชื่อว่า Weiboแทน อาการเสพติดไม่แพ้กับคนไทยครับ ก้มหน้าก้มตา Update Status กันอย่างเมามัน

พฤติกรรมหนึ่งที่อาจจะต่างจากคนไทยคือคนจีน ชอบ Update Status กันใน WeChat กันด้วย ถ้าให้เทียบกับบ้านเรา WeChat ก็จะเปรียบเสมือนกับ Line ครับ ซึ่งจุดประสงค์หลักของการใช้ Line ของพวกเราคนไทย คือ เอาไว้คุยกับเพื่อนสนิท หรือ คุยกันเป็นกลุ่ม แต่คนใช้ Line บ้านเรา ไม่ค่อย Update Status หรือ อ่านหน้า Newsfeed กันสักเท่าไหร่ มีไว้คุยเล่น Chat กันอย่างเดียว

แต่สำหรับคนจีนนั้น ชอบใช้ WeChat ทั้ง Chat ทั้ง Show รายไหนที่เสพติด Social Media ขนาดหนัก อาจจะมีการผูก Account WeChat และ Weibo เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถ Update Status ทีเดียว แต่ขึ้นโชว์ทั้ง Baidu และ Weibo พร้อมๆกันได้

ระบบโฆษณาของ Weibo นั้น ไม่ต่างอะไรกับ Facebook มากนัก แต่ผมพบว่าระบบโฆษณาของ WeChat นั้น ล้ำกว่า ของ Line พอสมควรครับ มีลูกเล่นต่างๆมากกว่า ถึงขนาดสามารถทำ App เข้าไปผูกกับระบบของ WeChat ได้เลย จะทำเป็น Game เป็นระบบ Booking หรือ ระบบ E-commerce ก็ยังได้

นอกจากนี้คนจีนยังมีเว็บ VDO ที่ชื่อว่า YouKu ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับ Youtube ในบ้านเราครับ ระบบโฆษณาเหมือนกันแบบเป๊ะๆ !

โดยรวมๆแล้ว การทำ Digital Marketing ในจีน ไม่ได้แตกต่างอะไรกับบ้านเรามากนัก

แต่ที่ทำให้เราปวดหัวหนักๆ ก็จะเป็นเรื่องกำแพงของภาษาครับ …. อ่านภาษาจีนไม่ได้ รับรองมีมึน

ใครปวดขมับ สนใจอยากทำ Digital Marketing ในจีน ก็ลองติดต่อโซวบักท้ง มาดูได้ครับ ยินดีเป็น Translator ให้กับทุกท่าน!