ยุวชน แฮกเกอร์

ถ้าย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คนที่มีขีดความสามารถที่จะเป็นแฮกเกอร์ ทั้งหมวกดำ หรือ หมวกขาว ต้องเป็นผู้มีความรู้ด้าน โค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง เน็ตเวิร์คกิ้ง ตลอดจนเข้าใจระบบ Operation เป็นอย่างดี โดยแฮกเกอร์ที่โด่งดังมากในปี 1995 ไม่มีใครไม่รู้จัก เควิน มิตนิก (Kevin Mitnick) แฮกเกอร์บันลือโลก

ยุคนั้นเควินเป็นแฮกเกอร์ในตำนานโลกไซเบอร์ โดยเควินถูกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐหมายหัว ได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ที่ทางสหรัฐต้องการตัวมากที่สุด และเป็นคนแรกที่ทำให้คำว่าแฮกเกอร์ (Hacker) เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ เควินถูกจับได้ในที่สุดในวัย 30 กว่าและถูกจำคุกเป็นเวลา 5 ปี ปัจจุบันเควินหันมาทำเปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย โดยเปิดบริษัทชื่อ มิตนิก ซิเคียวริตี้ คอนซัลติ้ง

ต่อมาในปี 2546 เน็ตเวิร์ค วอร์ม (Network Worm)ที่ก่อกวนระบบเครือข่ายตัวแรกถือกำเนิดขึ้น มีชื่อว่าบลาสเตอร์ วอร์ม (Blaster Worm) โดยถูกพัฒนามาจากอินเทอร์เน็ตวอร์ม (Internet Worm) ตัวแรกที่ถูกสร้างโดยแฮกเกอร์ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย อายุ 18 ปี และต่อมาถูกจับโดยทางการสหรัฐ สังเกตได้ว่าผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาจู่โจมระบบหรือแฮกเกอร์มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นข่าวดังในประเทศญี่ปุ่น ไซเบอร์ พาโทรล หรือหน่วยตรวจการทางไซเบอร์ได้จับตัวยุวชนแฮกเกอร์ที่โอซาก้า อายุเพียง 14 ปี

ถือเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นที่พบผู้กระทำผิดเกี่ยวกับ แรนซัมแวร์ อย่างที่ทราบ แรนซัมแวร์เป็นการเข้ารหัสไฟล์และให้เหยื่อจ่ายเงินผ่านเทคโนโลยีคริปโตกราฟฟิก หรือ ดิจิทัล เคอร์เรนซี่ อย่างบิตคอยน์ ที่ไม่สามารถตรวจสอบปลายทางผู้รับเงินได้

โดยยุวชนแฮกเกอร์ที่ถูกจับนี้ ได้สร้างแรนซัมแวร์ และอัพโหลดซอร์ส โค้ด ไปยังอินเทอร์เน็ตและสื่อต่างๆ ทำให้แรนซัมแวร์แพร่กระจายรวดเร็ว เพราะมีการนำไปพัฒนาต่อหรือเผยแพร่ต่อ และมีการโฆษณาด้วยว่า สามารถนำซอร์ส โค้ด ไปใช้งานได้ฟรี ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่มีการสอบถามเด็ก และทราบว่าเรียนรู้การทำ ด้วยตัวเอง โดยใช้เวลาสร้างเพียง 3 วัน ซึ่งทางการญี่ปุ่นได้ติดตามพฤติกรรมของแฮกเกอร์เด็กคนนี้มาตั้งแต่ต้นปี แต่เพิ่งมาจับ

เห็นได้ว่าตั้งแต่ยุคของเควิน แฮกเกอร์ มีอายุน้อยลงมาเรื่อยจนตอนนี้พบอายุ 14 ซึ่งผมคาดว่า เราคงได้เห็นอายุ 12 เร็วๆ นี้ เพราะมีปัจจัยสำคัญสองประการ 1.เด็กเกิดมาในยุคนี้เกิดมาพร้อมไอทีรอบตัว หาข้อมูลได้รวดเร็ว เรียนรู้บนอินเทอร์เน็ต 2.ระบบเครือข่ายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, โน๊ตบุ๊ค และวีจีเอ การ์ด โดยคำนวณเชิงคณิตศาสตร์ พบว่ามีความเร็วมากกว่า 15-20 ปีก่อน ถึง 100 เท่าตัว จึงทำให้แฮกเกอร์สมัยนี้มีเครื่องมือและเน็ตเวิร์คที่ทรงพลัง

แตกต่างจากสมัยก่อนที่แฮกเกอร์ทำสร้าง วอร์ม มา แต่ไม่สามารถแพร่กระจายได้ไม่รวดเร็วเท่าปัจจุบัน เพราะระบบเครือข่ายไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่รวดเร็ว แฮกเกอร์จึงพุ่งเป้าที่จะสร้างชื่อเสียงมากกว่าการหาเงิน

ขณะที่ปัจจุบันสามารถทำให้ได้เงินได้ง่ายเพราะสามารถจ่ายผ่าน บิตคอยน์ ที่ไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางเงิน จึงทำให้การสร้างภัยร้ายต่างๆพัฒนากลายเป็นระบบธุรกิจ ทุกคนที่แม้ไม่มีความรู้ด้านนี้สามารถใช้ได้ เรียกได้ว่าเป็น แรนซัมแวร์ แอส อะ เซอร์วิส (Ransomware as a service) ไปแล้ว

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เราอาจจะเจอแฮกเกอร์อายุต่ำกว่า 14 ในไม่ช้า แต่หวังว่าคงไม่ใช่ในประเทศไทย