ห่วงหนี้ Gen Y

ห่วงหนี้ Gen Y

เมื่อสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ

 หรือ เครดิตบูโร ถึงสถานะการเป็นหนี้ของคนไทย พบว่ามีข้อมูลหลายส่วนที่น่าสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อมูลทางสถิติที่เครดิตบูโรได้จัดเก็บและดึงออกมาให้เห็นเป็นเรื่องๆไป

เรื่องแรก คือ การเข้าไปตรวจเช็คข้อมูลลูกค้าของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร พบว่าสถาบันการเงินตรวจเช็คข้อมูลลูกค้าเก่ามากขึ้น และทำถี่ขึ้น แสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินกังวลเกี่ยวกับสถานะลูกหนี้ กลัวว่าจะก่อหนี้เพิ่ม แล้วจะมีปัญหาการผ่อนชำระตามมา

 แน่นอนว่าขนาดลูกค้าเก่าที่รู้จักกันดียังกังวล ตรวจข้อมูลกันถี่ยิบ ลูกค้าใหม่ที่จะขอสินเชื่อไม่ต้องพูดถึง สถาบันการเงิน หรือธนาคารก็คงต้องตรวจเข้ม และปล่อยกู้อย่างระมัดระวัง นั่นทำให้การเข้ามาดูข้อมูลเครดิตบูโรเพื่อปล่อยกู้ใหม่ถึงแทบไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย

เรื่องที่ 2 ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ สถานะการเป็นหนี้ของกลุ่มเจนวาย ( Gen Y) จากข้อมูลของทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ที่ระบุว่า คนไทยก่อหนี้ในระดับสูงตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังเป็นหนี้เสียจำนนวนไม่น้อย และหนี้ดังกล่าวไม่ได้ลดลงเมื่อใกล้วัยเกษียณ โดยหนี้ส่วนใหญ่ของคนที่ช่วงอายุน้อยส่วนมากเป็นหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หรือ p-loan และความเสี่ยงที่ผิดนัดชำระส่วนมากอยู่ที่ p-loan

ทางเครดิตบูโรจึงได้ดึงข้อมูลออกมาดู พบว่า คนที่เป็นหนี้ส่วนใหญ่อยู่กลุ่ม Gen Y หรือที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 20-37 ปี โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปีนี้พบว่า Gen Y มีสัดส่วนการเป็นหนี้บ้านที่เป็นสินเชื่อใหม่ 49% สินเชื่อรถยนต์ 46% และสินเชื่อเครดิตการ์ด 56% และสินเชื่อส่วนบุคคล 41% ของสินเชื่อใหม่ทั้งหมด

เมื่อมาดูหนี้เฉลี่ยต่อคนในช่วงอายุของGen Y พบว่า โดยช่วงอายุ 16-22 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียน เป็นหนี้ 1.41 แสนราย เป็นหนี้รวม 2 หมื่นล้านบาท มีหนี้เฉลี่ยต่อคน 1.44 แสนบาท มีการค้างชำระ 1.7 หมื่นคน กลุ่มที่มีอายุ 23-28 ปี หรือกลุ่มเริ่มทำงาน จำนวน 1.8 ล้านคน มีหนี้ถึง 5.27 แสนล้านบาท เฉลี่ยมีหนี้ต่อคน 2.85 แสนบาท มีการค้างชำระ 3.79 แสนคน และกลุ่มวัยทำงาน ที่มีอายุ 29-35ปี จำนวน 3.3ล้านคน มีหนี้รวม 1.59 ล้านล้านบาท หรือมีหนี้เฉลี่ยต่อคน 4.8 แสนบาท มีการค้างชำระ 7.1 แสนคน

โดยหนี้ที่กลุ่ม Gen Y มีมากที่สุด คือ สินเชื่อส่วนบุคคล รองลงมา คือสินเชื่อรถยนต์ เครดิตการ์ด และสินเชื่อบ้าน ซึ่งทางเครดิตบูโรได้ลงไปดูข้อมูลที่ลึกมากกว่านั้น นั้นคือเมื่อกลุ่ม Gen Y มีปัญหาหนี้ก้อนไหนที่ Gen Y เริ่มค้างชำระมากที่สุด พบว่า กลุ่มนักเรียนจะเริ่มค้างหนี้ส่วนบุคคลก่อน รองลงมาคือ สินเชื่อรถยนต์ แต่กลุ่มเริ่มทำงาน และวัยทำงานจะเหมือนกัน คือค้างสินเชื่อรถยนต์ก่อน ค่อยมาค้างสินเชื่อส่วนบุคคล และเครดิตการ์ด

นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมที่ผ่านมาทางการจึงเร่งเข้ามาแก้ปัญหาการเป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะเป็นหนี้ที่กลุ่ม Gen Y มีปัญหามากที่สุด หากไม่เข้าไปช่วยวางแนวทางแก้ไข อาจจะกระทบกับประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่ง Gen Y เป็นวัยทำงานที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศนั่นเอง

................

วรินทร์ ตริโน