เมื่อคิมน้อยอาละวาดรอบใหม่ ความหวังเจรจาก็ล่มสลาย!

เมื่อคิมน้อยอาละวาดรอบใหม่ ความหวังเจรจาก็ล่มสลาย!

ผมตื่นมาตอนเช้าเมื่อวาน (วันอาทิตย์) ก็เจอข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธลูกใหม่

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองวันทางการเปียงยางบอกว่า พร้อมจะเจรจากับสหรัฐหากเงื่อนไขถูกต้องเหมาะสม

แปลว่าคิม จองอึน เล่นเกมพลิกกลับไปมาเหมือนโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีผิด

และแปลว่าโอกาสที่จะมีการเจรจา เพื่อหาทางลดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีก็หายวับไปกับตา ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่

ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือล่าสุดเช้าเมื่อวาน (ยิงตอน 5.00 น. เวลาเกาหลี) มีความเร็ว 450 ไมล์ต่อชั่วโมงและวิ่งอยู่ในอากาศ 30 นาที ยิงจากฐานยิงที่เมืองคูซองทางตะวันตกของเกาหลีเหนือประชิดชายแดนจีน ไปลงในทะเลระหว่างคาบสมุทรเกาหลีกับญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์ทหารของสหรัฐบอกว่าดูหลักฐานต่างๆ แล้วการยิงครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลที่อาจคุกคามถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ

ที่น่าสนใจคือการทดลองครั้งนี้ไม่ แป๊ก” เหมือนสองครั้งก่อน จึงทำให้เกิดความหวั่นไหวรอบใหม่ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือกำลังจะบอกชาวโลกว่าเขาไม่สนใจจะเจรจาหาทางออกทางการเมืองใช่หรือไม่

หรือนี่คือการแสดงออกเพื่อสร้างอำนาจต่อรองก่อนการเจรจา?

ที่เห็นว่าน่ากังวลเพราะการยิงขีปนาวุธครั้งใหม่จากเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้

ประธานาธิบดีคนใหม่ของโซลคือ มูนแจอิน ที่ประกาศทันทีที่รับตำแหน่งว่าเขาพร้อมจะบินไปวอชิงตัน, ปักกิ่ง, โตเกียวเพื่อสร้างสันติภาพให้กับคาบสมุทรเกาหลี

อีกทั้งยังตอกย้ำว่าพร้อมจะบินไปเปียงยาง เพื่อพูดคุยกับคิมจองอึนของเกาหลีเหนือ “หากเงื่อนไขถูกต้องเหมาะสม”

เป็นการยื่นมือผูกมิตรจากผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ ที่น่าจะสร้างบรรยากาศของการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ได้

แต่การที่คิมน้อยสั่งยิงขีปนาวุธเช้าเมื่อวาน ก็เท่ากับเป็นการบอกปัดท่าทีเป็นมิตรของผู้นำทางใต้อย่างไร้เยื่อใย

อีกทั้งเช้าเมื่อวานตรงกับการเปิดตัวของการประชุมสุดยอดระดับโลกของ One Belt, One Road (เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21) ที่ปักกิ่งโดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเป็นคนเปิดงาน หวังจะให้เป็นงานอลังการไปทั่วปฐพี

แต่คิมน้อยก็ แย่งซีน จากพี่สีด้วยการยิงขีปนาวุธหน้าตาเฉย

อย่างนี้จะไม่ทำให้พี่ใหญ่หงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมอย่างไรได้?

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้พูดเรื่องเกาหลีเหนือ เพราะว้าวุ่นอยู่กับเรื่องอื้อฉาวในประเทศ อันเกิดจากการปลดฟ้าผ่าผู้อำนวยการเอฟบีไอ ทำให้มีการเรียกร้องให้มีการสอบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริง

ผู้คนสงสัยว่าเหตุผลลึก ๆ คือทรัมป์ต้องการให้เอฟบีไอหยุดการสอบสวน ความโยงใยระหว่างรัสเซียกับคนรอบข้างทรัมป์ ในประเด็นการแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งจนทำให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

แม้เหตุผลทางการของการปลดครั้งนี้ จะอ้างว่าไร้ประสิทธิภาพของการทำงาน เกี่ยวกับการสอบสวนอีเมลส่วนตัวของฮิลลารี คลินตันตอนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศก็ตาม

เรื่องนี้ร้อนแรงถึงขั้นที่อาจจะทำให้ทรัมป์ถูกวุฒิสภาไต่สวนเพื่อถอดถอน (impeachment) ได้

ไม่แน่ ถ้าทรัมป์ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องอื้อฉาวในประเทศ ก็อาจจะสร้างความเปรี้ยงปร้างด้วยการสวนกลับเกาหลีเหนือ ในประเด็นเรื่องยิงขีปนาวุธล่าสุดนี่ก็ได้

น่ากลัวตรงที่เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องการจะดึงความสนใจจากปัญหาภายในประเทศ ไปหาเป้านอกบ้าน... สงครามน้ำลายอาจกลายเป็นศึกทดสอบอาวุธก็ได้ !