ผู้นำฝรั่งเศสคนใหม่อายุ 39 กับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง 64!

ผู้นำฝรั่งเศสคนใหม่อายุ 39 กับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง 64!

ผลเลือกตั้งฝรั่งเศสไม่พลิกล๊อก เอ็มมานูเอล มาครงได้ 66.06% และมารีน เลอ แปงได้ 33.94% ทำให้ผู้คนถอนหายใจพักใหญ่...

จนกว่าผลการเลือกตั้ง ส.ส. สภาล่างวันที่ 11 และ 18 เดือนหน้าจะออกมาว่าเสียงส่วนใหญ่ จะเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นพวกเดียวกับประธานาธิบดีหรือไม่

ประธานาธิบดีคนใหม่ของฝรั่งเศสอายุเพียง 39 อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ตั้งแต่นโปเลียนได้สร้างปรากฏการณ์ทางการเมือง ที่ทำให้คนทั้งโลกตื่นตะลึงเพราะเป็น “คนนอก” ที่ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหลักมาก่อน ตั้ง “ขบวนการสังคม” มาได้เพียงปีเดียวก็ชนะเลือกตั้งระดับชาติได้เลย

ที่จะสร้างประวัติศาสตร์น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกว่ากันคือ “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” ซึ่งก็คือภรรยาวัย 64 ของเขา

เธอชื่อ Brigitte Auziere ก่อนแต่งงาน เป็นครูมัธยมของมาครงซึ่งยอมรับว่าตกหลุมรักคุณครูตั้งแต่เป็นนักเรียนวัย 15 จนพ่อแม่เป็นห่วง พยายามจะย้ายเขาไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอื่นเพื่อให้ห่างไกลจากครูสาวคนนี้

พ่อแม่มาครงขอร้องครูว่าอย่าเจอกับเขาจนกว่าเด็กชายมาครงจะอายุได้ครบ 18 อีกทั้งยังส่งลูกชายคนนี้ไปเรียนจบมัธยมที่ปารีส

แต่ทั้งเขาและเธอก็คบหากันต่อเนื่อง คุยโทรศัพท์กันวันละเป็นชั่วโมง จนกลายเป็นเรื่องซุบซิบกันในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อ Amiens

ตอนที่เขาแต่งงานกับเธอในวัยที่ห่างกัน 24 ปี เธอมีลูกติดมาจากสามีคนก่อน 3 คนและมีหลาน 7

มาครงให้สัมภาษณ์ว่าหากไม่มีภรรยาคนนี้คอยแนะนำและสนับสนุน เขาก็คงจะไม่มาถึงวันนี้

เขาและเธอเริ่มสนิทสนมกันตอนที่ทั้งสองเขียนบทละครของโรงเรียนด้วยกัน คนหนึ่งเป็นครูอีกคนเป็นนักเรียน

ภรรยาบอกว่ามาครงเป็น “อัจฉริยะ” มีความคิดอ่านปราดเปรื่องอย่างยิ่ง จนทำให้ทั้งสองปิ๊งกันอย่างเหลือเชื่อ

วันที่ทั้งสองแต่งงานเมื่อปี 2007 มาครงบอกกับญาติ ๆ ทั้งสองฝั่งว่า “เราสองคนเป็นคู่ที่ไม่ปกตินัก แต่ท่าน ๆ ก็ได้ยอมรับเราและสนับสนุนให้เราครองชีวิตร่วมกัน...”

คนเขียนประวัติของผู้นำฝรั่งเศสคนใหม่บอกว่า “พ่อแม่ของมาครงทำใจยอมรับไม่ได้เลย...”

เรื่องที่สร้างความฮือฮาสำหรับมาครงก็คือการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีทั้ง ๆ ที่เมื่อหนึ่งปีก่อนนี้ คนฝรั่งเศสยังไม่มีใครรู้จักเขาเท่าไหร่เลย อาชีพเดิมเป็นนายธนาคาร และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจภายใต้ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออล์ลองด์ อยู่ในตำแหน่งได้สองปีก็ลาออก เพราะผิดหวังกับระบบการบริหาร...เพื่อตั้งพรรคการเมืองและประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีเลยทั้ง ๆ ที่ประสบการณ์การเมืองมีจำกัดมาก

อาจเพราะเขาไม่ได้อยูในแวดวงการเมืองนั่นแหละที่ทำให้มาครงกล้ากระโจนเข้าสู่สนามเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งการเมืองสูงสุดเพราะจับได้ว่าประชาชนคนฝรั่งเศสเบื่อหน่ายกับระบบเก่า ๆ เหลือเกินแล้ว

มาครงเอาชนะคู่แข่งคนสำคัญคือมารีน เลอ แปนด้วยการยืนอยู่คนละข้างกับเธอ

เธอประกาศจะให้ฝรั่งเศสออกจากสหภาพยุโรป, เลิกใช้เงินยูโร หันกลับมาใช้เงินฟรังก์และปิดชายแดน ไม่ให้ผู้อพยพจากต่างชาติไหลเทเข้าประเทศ

มาครงประกาศชูธง “จิตวิญญาณของนักสู้ฝรั่งเศส เราประสบความสำเร็จมาตลอดเพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกทั้งด้านการเมือง วัฒนธรรม ภาษาและประวัติศาสตร์ และเพราะพลังสากลเช่นนี้แหละที่ทำให้เราเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับห้าของโลก...”

ในการรณรงค์หาเสียงทุกครั้ง ภรรยาจะนั่งอยู่แถวหน้า ทำหน้าที่เป็น “โค้ช” ส่วนตัวด้านการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกายหรือลีล่าท่าทางกับจังหวะน้ำเสียงที่ปราศรัยต่อประชาชน

เธอคือตัวช่วยหลักของผมในทุกเรื่องในชีวิตของผม” มาครงพูดถึงสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศส