โอเปคคาดราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว ผลดีกลุ่มขนส่ง

โอเปคคาดราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว ผลดีกลุ่มขนส่ง

หุ้นขนส่งจะฟื้นตัว หากการตัดสินใจกลุ่มโอเปคสะท้อนสถานะการณ์ราคาน้ำมันดิบยังไม่สามารถกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ภายในปีนี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสปรับตัวขึ้น 11% ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน เนื่องจาก 1) IEA กล่าวในรายงานครั้งล่าสุดว่าตลาดน้ำมันอาจเข้าสู่จุดสมดุลแล้ว 2) การที่สหรัฐฯโจมตีใส่ฐานทัพอากาศของซีเรียและความตึงเครียดในเกาหลีเหนือทำให้ความเสี่ยงทางภูมิศาตร์การเมืองกลับมาเป็นประเด็นที่มีผลต่อตลาดน้ำมัน 3) การผลิตน้ำมันดิบใน แหล่งผลิตน้ำมันใหญ่ที่สุดในลิเบียมีปัญหาด้านการผลิตตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน

อย่างไรก็ดี ประเทศกลุ่มโอเปกมีแผนที่จะประชุมกับประเทศนอกกลุ่มโอเปกในการประชุมวันเดียวกันคือวันที่ 25 พ.ค. คาดว่ากลุ่มโอเปคจะขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตต่อเนื่องไปครึ่งหลังของปี 2560 เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปคยังคงเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ตลาดน้ำมันดิบยังคงมีน้ำมันผลิตส่วนเกินเพิ่ม เราคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวในช่วง 48-55 เหรียญต่อบาร์เรลในเดือนพฤษภาคม (ราคาน้ำมันดิบซื้อขายในสหรัฐร่วงต่ำไปถึง 44.17 เหรียญต่อบาร์เรลเมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค)

ประเด็นสำคัญในเดือนพฤษภาคม คือ

ความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองในหลายที่ทั่วโลกจะยังคงหนุนราคาน้ำมัน เนื่องจากตลาดน้ำมันกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับถ้อยแถลงล่าสุดของสหรัฐฯและการโต้ตอบทางการทหารซึ่งอาจทำให้เกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น และความกังวลเหล่านั้นสูงขึ้นเนื่องจากตลาดน้ำมันเริ่มมีสัญญาณของการเข้าสู่ภาวะสมดุล

ประเทศกลุ่มโอเปกมีแผนที่จะประชุมกับประเทศนอกกลุ่มโอเปกในการประชุมวันเดียวกันคือวันที่ 25 พ.ค. โดยคาดว่าจะขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2560 แต่เริ่มมีสัญญานภายในกลุ่มประเทศสมาชิกเองอยากเปลี่ยนมติการลดกำลังการผลิตเพราะ ประเทศสหรัฐได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มบนต้นทุนประเทศโอเปค

โรงกลั่นที่ปิดซ่อมบำรุงเริ่มกลับมาเปิดตามปกติและการผลิตแก๊สโซลีนเพิ่มขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อนซึ่งเป็นฤดูขับรถท่องเที่ยวในอเมริกาเหนือ ดังนั้นสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯจะลดลงในเดือนพฤษภาคม

หน่วยงาน EIA ของสหรัฐคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2560 ขณะที่อุปทานน้ำมมันจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดน้ำมันค่อนข้างมีความสมดุลในปีนี้

อัตราส่วนสัญญาซื้อล่วงหน้าต่อขายล่วงหน้า (Long-to-short ratio) ของสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าในตลาดไนเม็กซ์ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.3 เท่า ซึ่งห่างจากระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ 11 เท่าในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ การปรับลดลงของการถือครองสถานะซื้อล่วงหน้าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงสองเดือนก่อนหน้านี้ชี้ถึงแรงกดดันต่อราคาสปอตของน้ำมันที่ลดลง

ระยะสั้น หุ้นกลุ่มธุรกิจขนส่งจะฟื้นตัว หากการตัดสินใจกลุ่มโอเปคสะท้อนสถานะการณ์ราคาน้ำมันดิบยังไม่สามารถกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ภายในปีนี้ นั่นคือ การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบจะคล้ายกับระดับปี 2015 กลุ่มธุรกิจขนส่งโดยเฉพาะสายการบินจะได้ประโยชน์มากขึ้นกรณีราคาน้ำมันทรงตัว หรือ ลดลง ประกอบกับนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทยเริ่มขยายตัวเพิ่มได้หลังจากการปรับนโยบายด้านการท่องเที่ยว โดยหันมาเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น