มองป่าไผ่คิดขายตะเกียบ

มองป่าไผ่คิดขายตะเกียบ

มองว่านักลงทุนที่ดีที่สุด คือคนที่มีความเป็น 'พ่อค้า' อยู่ในตัว เพราะพวกเขาเหล่านั้นมักเชี่ยวชาญในการ 'มองหาโอกาส'

ผมเพิ่งอ่านหนังสือ 'มองตะเกียบเห็นป่าไผ่' ของคุณนิธิพันธ์ วิประวิทย์ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ราชวงศ์จีนจบไป รู้สึกประทับใจในการถ่ายทอดความรู้เรื่องจีนๆ ออกมาอย่างสละสลวยลุ่มลึก เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่อยากแนะนำให้อ่านกัน

การมองตะเกียบที่ใช้พุ้ยข้าวเข้าปากแล้วนึกต่อเนื่องไปถึงไผ่ทั้งป่า คือการเสาะแสวงหาคำตอบจากสิ่งใกล้ตัว ค้นลึกไปถึงแก่นแท้ของมันว่าสิ่งนั้นๆ มีที่มาที่ไปเช่นไร ก่อนจะสรุปออกมาเป็นบทเรียนข้อคิดเพื่อเป็นประโยชน์แก่ชีวิตและผู้คน

นี่คือวิถีของ 'ปราชญ์' โดยแท้

ในทางกลับกัน สำหรับคนเป็น 'พ่อค้า' พวกเขาอาจมีมุมมองต่อโลกที่แตกต่าง โดยไม่ได้มองตะเกียบเห็นป่าไผ่ ทว่า 'มองป่าไผ่คิดขายตะเกียบ' คือมีหัวการค้า เห็นอะไรก็คิดที่จะเอามาแปลงเป็นเงินทอง

ดูเผินๆ อาจเหมือนเส้นทางของ 'ปราชญ์ผู้ทรงปัญญา' กับ 'พ่อค้าผู้มั่งคั่ง' เป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้

แล้วผมก็นึกตั้งคำถามขึ้นมาว่า สำหรับคนที่เป็น 'นักลงทุน' อย่างผมและใครอีกหลายๆ คนเล่า มีแนวโน้มจะเป็นไปในแนวทางไหนมากกว่ากัน ระหว่าง 'มองตะเกียบเห็นป่าไผ่' กับ 'มองป่าไผ่คิดขายตะเกียบ' 

คำตอบที่ผมมีให้กับตัวเองก็คือ คนเป็นนักลงทุนแบบเน้นมูลค่า ควรจะมีทักษะทั้งสองอย่างอยู่ในตัว

การ 'มองตะเกียบเห็นป่าไผ่' สำหรับวีไอ ก็คือรู้จักมองสินค้าและบริการที่กินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หากใช้อะไรแล้วดี กินอะไรแล้วชอบ และมีคนจำนวนมากชื่นชอบผลิตภัณฑ์นั้นๆ เหมือนกับเรา ก็ควรจะลองหาข้อมูลดูว่าเป็นสินค้าหรือบริการของบริษัทอะไร บริษัทนั้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่

หากใช่ ก็ค่อยดำเนินการ 'วิเคราะห์ป่าไผ่' โดยหางบการเงินมาอ่านดูว่าบริษัทนั้นรายได้เป็นอย่างไร กำไรดีหรือไม่ ลอง Google แล้วพิจารณาว่าบริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันแค่ไหน อยู่ในอุตสาหกรรมที่ฟาดฟันกันดุเดือดเพียงใด ยังมีโอกาสเติบโตอีกกี่มากน้อย

สุดท้าย จึงประเมินออกมาว่าราคาหุ้น ณ เวลานั้นอยู่ในระดับสูงหรือต่ำ หากอยู่ในระดับราคาที่น่าดึงดูดจึงค่อยเข้าซื้อ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ 'แปลงป่าไผ่ให้เป็นเงิน' จากตะเกียบคู่เดียว

ในอีกด้านหนึ่ง ผมมองว่านักลงทุนที่ดีที่สุด คือคนที่มีความเป็น 'พ่อค้า' อยู่ในตัว เพราะพวกเขาเหล่านั้นมักเชี่ยวชาญในการ 'มองหาโอกาส' รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ เมื่อมีสายตาของพ่อค้า ก็จะมองออกว่าธุรกิจของบริษัทใดดีหรือไม่ดี ทำให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างแม่นยำกว่า

โดยสรุป นักลงทุนที่ดี ด้านหนึ่งต้องมองตะเกียบเห็นป่าไผ่ แต่หากเดินเข้าไปในป่าไผ่แล้วรู้ว่าไผ่ป่านี้น่าจะแปลงเป็นทุนได้อย่างไรบ้าง แม้ไม่ได้โดดลงไปทำธุรกิจเองแบบพ่อค้า ก็น่าจะเป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยมและครบเครื่องขึ้นกว่าเดิมครับ