ทันเกมการค้า'ทรัมป์' ก่อนเพลี่ยงพล้ำในเวทีค้าโลก
สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นที่ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องตื่นตัวมากเป็นพิเศษ
คงหนีไม่พ้นกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามในคำสั่งพิเศษให้มีการตรวจสอบ สาเหตุการขาดดุลการค้าของสหรัฐ กับ 16 ประเทศคู่ค้ารวมถึงประเทศไทย
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานสถานการณ์ให้ ครม.รับทราบในทันที
รองนายกฯยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นตระหนก เพราะสหรัฐมีระยะเวลาในการตรวจสอบ 90 วัน ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดชื่อประเทศที่สหรัฐจะมีมาตรการตอบโต้ออกมาอย่างเป็นทางการ รวมทั้งมั่นใจด้วยว่าไทยไม่น่าจะเข้าข่ายที่ถูกสหรัฐลงโทษ เนื่องจากที่ผ่านมาเราทำตามกติกา ไม่มีการเอาเปรียบการค้าและไม่มีการแทรกแซงค่าเงิน
สมคิดยังบอกด้วยว่าหาก (สหรัฐ) ยังจะมาเล่นเกมส์หมาป่ากับลูกแกะ หาเรื่องพาล เรา(ไทย)เข้มแข็งพอ ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะเราไม่ได้ทำผิดอะไร โครงสร้างเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะส่งออก กระจายตัวมาก การส่งออกไปสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น
ถือว่าเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลออกมายืนยันถึงจุดยืนของประเทศไทยในเรื่องนี้ และไม่เต้นไปตามเกมของผู้นำสหรัฐมากเกินไป เพราะจะว่าไปแล้วเรื่องการตรวจสอบการเกินดุลการค้าของสหรัฐไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เพราะเขาเคยพูดมาตั้งแต่หาเสียงแล้วว่าจะตอบโต้ประเทศที่เกินดุลการค้าจากการเอาเปรียบสหรัฐ
ที่่น่าสังเกตว่าคำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ออกมาใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่เขาจะพบกับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ซึ่งประเด็นสำคัญในการหารือย่อมหนีไม่พ้นเรื่องการค้าระหว่างสองประเทศ
ประเด็นการค้ายังเป็นประเด็นที่ทรัมป์ต้องยกขึ้นมาเรียกความนิยมให้ตนเองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะถึงกำหนดดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครบ 100 วันในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ประเด็นเรื่องการแก้ไขการขาดดุลการค้าถูกนำมาใช้เพื่อยืนยันว่าเขายังทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ในการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ
เกมของนายทรัมป์ในครั้งนี้จึงมุ่งไปที่การต่อรองกับมหาอำนาจจีน และการสร้างคะแนนนิยมตนเองมากกว่าที่จะพุ่งเป้าโดยตรงมายังประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยที่ได้ดุลการค้าสหรัฐเพียง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน
แม้รัฐบาลจะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่จะวางใจไม่ได้เพราะ “เกมหมาป่ากับลูกแกะ” ในเวทีการค้าระหว่างประเทศคงไม่ได้สิ้นสุดลงแค่นี้ ไทยยังต้องเตรียมความพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐโดยเฉพาะในเวทีทวิภาคี
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าเวทีการเจรจาการค้า เป็นเวทีแห่งการต่อรอง ต้องมีทั้งไม้แข็ง และไม้นวม เพราะคู่เจรจาอาจไม่ได้มองว่า “เรา” และ “เขา” มีความสัมพันที่ยาวนานมาเพียงไร แต่มองว่ามีผลประโยชน์ที่จะแลกเปลี่ยนกันได้อย่างไรมากกว่า
..หากไม่เตรียมความพร้อมอย่างรู้เท่าทันเราก็จะเพลี่ยงพล้ำบนเวทีการค้าโลก