จัดพอร์ตการลงทุนในเดือนเมษายน

จัดพอร์ตการลงทุนในเดือนเมษายน

ปัจจัยบวกที่จะหนุนตลาดหุ้นไทย คือ กระแสเงินลงทุนจากต่างชาติซึ่งน่าจะไหลกลับมา

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ดัชนี MSCI World ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในหลายๆประเทศแข็งแกร่งขึ้น สำหรับมุมมองเดือนเมษายน เราคาดว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Countries) จะเผชิญแรงขาย เนื่องจาก 1) ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายของทรัมป์หลังจากที่ทรัมป์ได้ถอนการลงมติร่างกฏหมายสุขภาพหลังมีเสียงสนับสนุนไม่พอในสภาฯ ซึ่งความล้มเหลวนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อการดำเนินนโยบายอื่นๆ อาทิเช่น การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

2) ความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากฝรั่งเศสได้เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งซึ่งมีปัญหามากที่สุดในช่วงทศวรรษ จากโพลล่าสุดชี้ว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนถึง 43% ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร หากฝ่ายขวาจัด นางมารีน เลอ แปง ชนะการเลือกตั้ง เธอสัญญาว่าจะนำฝรั่งเศสออกจากกลุ่มอียู ซึ่งจะทำให้ทั่วทั้งทวีปยุโรปเกิดความเสี่ยง 3) สำหรับญี่ปุ่น ข่าวฉาวเกี่ยวกับการใช้อิทธิพลในการขายที่ดินของรัฐให้แก่เอกชนในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน 86% ได้ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของนายชินโซ อาเบะ (ภรรยาของนายชินโซ อาเบะ เป็นผู้สนับสนุนเครือข่ายโรงเรียนโมริโตโม กาคุเอ็น)

ในทางกลับกลันตลาดหุ้นที่เราชอบได้แก่ตลาดหุ้นอินเดียและตลาดหุ้นจีน สำหรับตลาดหุ้นอินเดียแม้ว่าปัจจุบันจะเทรดที่ระดับมูลค่าแพงที่สุดในประวัติการณ์ แต่เรายังคาดว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นได้อีก ปัจจัยหนุนสำหรับตลาดหุ้นอินเดียได้แก่ การปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรซึ่งเราคาดว่าตลาดน่าจะมีการปรับตัวเลขดังกล่าวขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้าหลังจากที่ถูกปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้นความต้องการลงทุนในหุ้นของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นและแนวโน้มกิจกรรมการควบรวมกิจการ (M&A) ของบริษัทต่างๆจะทำให้หุ้นเทรดที่ระดับ PER ที่สูงขึ้นในช่วงเดือนข้างหน้า ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป ในส่วนของตลาดหุ้นจีน ตัวเลขเศรษฐกิจยังคงดีกว่าที่ตลาดคาด โดยตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตมากกว่าที่คาดแม้ว่ายอดขายปลีกจะอ่อนแอลงจากยอดขายรถที่ชะลอตัว เรามองเห็นอัพไซด์ของการเติบโตจากการฟื้นตัวของความต้องการจากต่างประเทศซึ่งจะเปิดช่องให้กับผู้กำหนดนโยบายสามารถดำเนินนโยบายที่เข้มงวดเพื่อชะลอความต้องการในประเทศได้

ในส่วนของตลาดไทย เรายังคงมีมุมมอง NEUTRAL โดยเรามองว่าปัจจัยบวกที่จะหนุนตลาดหุ้นไทยได้แก่กระแสเงินลงทุนจากต่างชาติซึ่งน่าจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ค่าความสัมพันธ์ระหว่างกระแสเงินลงทุนไหลเข้าจากต่างชาติกับอัพไซด์ของดัชนีสูงถึง 85% ดังนั้นกระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องจะหนุนดัชนีให้ปรับตัวขึ้นในช่วงเดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามตลาดซึ่งเทรดที่ระดับ PER สูงขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคยังคงอยู่ในระดับปานกลางและการปรับลดคาดการณ์ผลกำไรบริษัทจะจำกัดปริมาณกระแสเงินลงทุนไหลเข้าในระยะสั้น

สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ เราคาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงยืนได้ในเดือนเมษายน เนื่องจากสต็อกน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดลงในระยะเวลาอันใกล้จากการที่โรงกลั่นเริ่มกลับมาผลิตหลังจากที่ปิดเพื่อซ่อมบำรุงในเดือนมีนาคม-เมษายน แต่ราคาทองคำยังคงเผชิญแรงกดดันเนื่องจากความต้องการทองคำที่แท้จริง (Physical Demand) ยังคงอ่อนแอและอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น

เรายังคงคำแนะนำ UNDERWEIGHT สำหรับกองทุนรวมอสังหาฯ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันมีความน่าสนใจน้อยลงและราคาน่าจะถูกกดดันจากการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น