ฟุตบอลไทยกับเส้นทางที่ต้องเดิน

ฟุตบอลไทยกับเส้นทางที่ต้องเดิน

การที่ทีมฟุตบอลของเรา แพ้ให้กับซาอุดิอาระเบียและญี่ปุ่น ทำให้แฟนบอลชาวไทยจำนวนไม่น้อยต้องผิดหวัง

 มีโค้ชคีย์บอร์ดหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเล่นของนักบอล และการทำงานของทีมโค้ชในแง่ลบ บางคนถึงขนาดเสนอให้เปลี่ยมทีมโค้ชเสียใหม่เลยด้วยซ้ำ

ความจริงแล้วการที่ได้เห็นทีมไทยสู้กับทีมชั้นนำของเอเชียได้อย่างสูสี เป็นสัญญาณบอกว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว เพียงแต่การเดินทางยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีความท้าทายอีกมากที่ต้องผ่านไปให้ได้ นั่นหมายความว่าในห้วงยามเช่นนี้ กำลังใจของคนไทยจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

หากเราย้อนกลับไปดูรายชื่อของทีมในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกปี 2014 ตามที่แสดงไว้ในตาราง เราจะเห็นว่า มีทีมจากประเทศที่มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน สะท้อนให้เห็นว่าความสำเร็จของฟุตบอลไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เป็นตัวกำหนดความสามารถของทีมฟุตบอลในแต่ละประเทศแล้ว การจัดอันดับทีมฟุตบอลของฟีฟ่า ก็ต้องมีแต่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอยู่ในอันดับต้นๆ ของตาราง

การจัดอันดับทีมฟุตบอลของฟีฟ่า (FIFA) ปี 2017

 อันดับ ประเทศที่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายปี 2014 อันดับ ประเทศในเอเชีย

1 อาร์เจนตินา 51 ญี่ปุ่น

2 บราซิล 57 ซาอุดิอาระเบีย

3 เยอรมนี 124 ฟิลิปปินส์

5 เบลเยี่ยม 127 ไทย

6 ฝรั่งเศส 136 เวียดนาม

7 โคลอมเบีย 161 มาเลเซีย

19 คอสตาริกา 172 ลาว

ที่มา: www.fifa.com

ข้อมูลจากตารางเดียวกับแสดงอันดับของประเทศไทยเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น ซาอุดิอาระเบีย และบางประเทศในอาเซียน จะเห็นได้ว่าทั้งญี่ปุ่นและซาอุดิอาระเบียมีอันดับเหนือกว่าเยอะมาก ดังนั้นโอกาสชนะของเราจึงมีน้อยอยู่แล้ว ความจริงตอนที่ทราบว่าเราถูกจัดอยู่กลุ่มเดียวกับสองประเทศนี้ แถมยังมีประเทศอื่นซึ่งจัดว่าเป็นสายแข็งมารวมกัน หลายคนได้ทำใจแล้วว่าเราคงจะรอดยาก แต่อาจจะเป็นเพราะรักมากและตั้งความหวังไว้สูง พอไม่ได้ตามที่หวังเลยรู้สึกเสียใจ จนแสดงออกมาแบบนั้น

ประเด็นก็คือ การพัฒนาวงการฟุตบอลก็ไม่ต่างอะไรกับการพัฒนาประเทศ เราไม่สามารถดีดนิ้วเปาะเดียวแล้วจะดีขึ้นได้ การพัฒนาย่อมมีลำดับขั้นของมันเอง ไม่มีทางลัดให้เลือกเดิน ยิ่งกรณีของประเทศไทยที่วงการฟุตบอลของเราเคยถึงจุดเกิดวิกฤติศรัทธาอย่างรุนแรงด้วยแล้ว ก็เท่ากับว่า เราเริ่มต้นจากจุดที่ติดลบ ตอนนี้เพิ่งจะผ่านเข้ามาสู่โซนที่เป็นบวก อยู่แถวหลักกิโลแรกๆ ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่าเบื้องหลังต้องมีการต่อสู้ ต่อรอง มีการขัดใจกันมาระดับหนึ่ง เพราะการพัฒนาไปกระทบกับโครงสร้างอำนาจและผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มในวงกร ทำให้เกิดแรงต่อต้าน

หลายปีที่ผ่านมา ลีกฟุตบอลบ้านเรามีการพัฒนาขึ้นมาก มีกลุ่มแฟนบอลที่เหนียวแน่นขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะประเทศส่วนใหญ่ที่มีทีมฟุตบอลระดับโลก มักจะมีลีกฟุตบอลที่มีการแข่งขันกันสูง ถ้าทีมไหนไม่แน่จริง ก็มีสิทธิโดนเขี่ยออกจากลีก ส่วนทีมไหนที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ สิ่งที่ได้รับก็คือผลตอบแทนมากมายมหาศาล การคัดเลือกนักฟุตบอลเข้าร่วมทีมจึงทำกันอย่างระมัดระวัง การบริหารจัดการทีมก็ทำกันแบบมืออาชีพ ผลตอบแทนที่เสนอให้กับนักฟุตบอลฝีเท้าดีก็สมน้ำสมเนื้อ สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้เล่นคนนั้นให้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

สิ่งที่เกิดขึ้นในวงการลูกหนังโลกนี้ เป็นภาพสะท้อนที่สำคัญเกี่ยวกับนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน พวกเขาเชื่อว่า หากรัฐมัวแต่ปกป้อง ไม่ยอมให้บริษัทในประเทศเจอกับแรงกดดันจากการแข่งขันจริง บริษัทก็ไม่มีทางจะเข้มแข็งขึ้นได้ เมื่อบริษัทไม่เข้มแข็ง อุตสาหกรรมก็ไม่เข็มแข็ง ท้ายที่สุดแล้วเศรษฐกิจก็จะพลอยไม่เข้มแข็งไปด้วย เปรียบไปก็เหมือนกับทีมฟุตบอลที่เจอแต่คู่แข่งต่ำชั้นกว่า แถมยังมีกรรมการคอยเข้าข้าง แข่งยังไงก็ไม่แพ้ หากวันหนึ่งต้องออกไปแข่งกับทีมอื่นที่เก่งกว่า และไม่มีใครคอยเข้าข้างอีกต่อไป คงพอนึกออกว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร

อันที่จริงแล้ว ความพ่ายแพ้ของทีมไทยคือชัยชนะของประเทศ เราไม่ได้แพ้แบบหมดรูป เราไม่ได้แพ้แบบไม่สู้ เราไม่ได้แพ้แบบที่จะมีเสียงครหาตามหลังว่าเราล้มบอล เราแพ้แบบที่สู้กับเขาได้สูสี เราแพ้แบบคนดูหน้าจอลุ้นแทบนั่งไม่ติด

ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนมองว่า ทีมชาติไทยได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ใช่ในฐานะของทีมที่จะเป็นแชมป์โลก แต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นหลังที่จะเดินตามรอยเท้าของรุ่นพี่ พวกเขาทำให้เราเห็นว่าคนไทยถ้าลองสู้สุดใจแล้ว ไม่ว่าชาติไหนก็ต้องยำเกรงเรา