OKR จะมาแทน KPI?

OKR จะมาแทน KPI?

ในระยะหลังผมเริ่มได้ยินเรื่องราวของ OKR จากบริษัทหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะบริษัททางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

 และพบว่าบริษัทชั้นนำของโลกหลายแห่ง เช่น Google, Intel, LinkedIn, Oracle, Twitter ต่างหันมาใช้ OKR กันมากขึ้น และเป็นการใช้แทน KPI แบบที่เราคุ้นเคยกัน

OKR ย่อมาจาก Objective and Key Results ครับ ซึ่งก็เป็นเทคนิคในการตั้งเป้าหมายการทำงานวิธีหนึ่ง ซึ่งจริงๆ ไม่ได้เป็นวิธีที่ใหม่ มีการนำมาใช้ที่ Intel ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 หลังจากนั้นในปี 1999 ก็มีการนำมาใช้ที่ Google แล้วก็กระจายไปตามบริษัทที่เป็น Tech Company ต่างๆ กันมากขึ้น โดยบริษัทต่างๆ ใช้ OKR เพื่อกำหนดและสื่อสารเป้าหมาย และผลลัพธ์ที่คาดหวังให้กระจายไปทั่วทั้งองค์กร โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะทำให้เป้าหมายของบริษัท ของหน่วยงานต่างๆ และของแต่ละบุคคลมีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน รวมทั้งเชื่อมโยงและสอดคล้องกับผลลัพธ์ที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน

OKR ช่วยทำให้พนักงานทุกคนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่องค์กรคาดหวังจากพวกเขา อีกทั้ง OKR นั้นจะต้องเป็นที่เปิดเผยทั่วไป ทุกคนสามารถที่จะเห็นและดูของคนอื่นได้ ทำให้ทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน และรู้ว่าทุกคน (หรือแต่ละคน) กำลังให้ความสำคัญหรือมุ่งเน้นในสิ่งใด

การทำ OKR นั้นเริ่มจากการกำหนดวัตถุประสงค์หรือ Objectives ก่อน โดยควรกำหนดประมาณ 3-5 วัตถุประสงค์ต่อองค์กร หรือ ต่อกลุ่ม หรือ ต่อบุคคล วัตถุประสงค์ภายใต้ OKR นั้นจะต้องมีความท้าทาย อาจเป็นเชิงคุณภาพ จากนั้นสำหรับแต่ละวัตถุประสงค์ก็ให้กำหนดผลลัพธ์ที่สำคัญหรือ Key Results โดยแต่ละวัตถุประสงค์มีผลลัพธ์สำคัญได้ไม่เกิน 3-4 ประเด็น โดยผลลัพธ์สำคัญนั้นจะต้องวัดได้ บรรลุได้

ลองมาดูตัวอย่างของ OKR กันนะครับ บริษัทแห่งหนึ่งอาจจะมีวัตถุประสงค์ (Objective) คือการเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนผลลัพธ์ที่สำคัญก็จะมีสามข้อได้แก่ 1) สมาชิกเพิ่มขึ้น 85% 2) มีรายได้ต่อลูกค้า 1,000 บาท 3) อัตราการสูญเสียลูกค้าน้อยกว่า 1% หรืออาจจะมีวัตถุประสงค์อีกข้อหนึ่งว่า เพิ่มระดับความผูกพันของพนักงาน โดยมีผลลัพธ์ที่สำคัญอยู่สามข้อได้แก่ 1) ระดับคะแนนความพอใจเพิ่มขึ้น 5% 2) มีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพนักงานทุกเดือน 3) มีการนำระบบประเมินผลแบบใหม่มาใช้ภายในสิ้นเดือนเมษายน

พอมาถึงจุดนี้หลายๆ ท่านอาจจะมองว่าเจ้า OKR นั้นก็คล้ายๆ หรือไม่ต่างกับ KPI ที่องค์กรต่างๆ นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่จริงๆ แล้ว OKR กับ KPI นั้นมีความสัมพันธ์ที่ทั้งเหมือนและไม่เหมือนกันอยู่ ส่วนที่สัมพันธ์นั้น จะเห็นได้ว่าใน OKR นั้นจะมี KPI อยู่ โดย KPI นั้นจะไปอยู่ในตัว Key Results เนื่องจากผลลัพธ์ที่สำคัญจะต้องวัดได้ สำหรับความแตกต่างระหว่าง OKR และ KPI นั้นคือ ถ้าทำ KPI แบบทั่วๆ ไป ก็จะลงไปเล่นที่ตัวชี้วัดเลย แต่ OKR นั้นจะให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการบรรลุในแต่ละระดับ แล้วจากวัตถุประสงค์แต่ละข้อ อะไรคือผลลัพธ์ที่สำคัญของวัตถุประสงค์นั้น โดยที่การกำหนดวัตถุประสงค์ก่อน จะช่วยทำให้การทำงานของแต่ละลำดับขั้นในองค์กรเป็นไปด้วยความสอดคล้องกัน และผลลัพธ์ที่สำคัญ (หรืออีกนัยหนึ่งคือ KPI) นั้นสอดคล้องกับวัตถุประสงค์

หลายท่านอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าถ้างั้น OKR ก็คล้ายๆ กับ Balanced Scorecard (BSC) ที่มีการกำหนดวัตถุประสงค์ก่อนแล้วค่อยกำหนด KPI ของแต่ละวัตถุประสงค์ แต่ความแตกต่างของ OKR กับ BSC คือ เจ้า OKR นั้นมีวัตถุประสงค์ไม่มากครับ โดยมีหลักว่าควรจะมีเพียงแค่ 3 วัตถุประสงค์เท่านั้นเอง (ต่อองค์กร ต่อหน่วยงาน หรือ ต่อบุคคล) ซึ่งแตกต่างจาก BSC ที่สามารถมีวัตถุประสงค์ตามมุมมองต่างๆ ทำให้เมื่อทำ OKR แล้วจะทำให้เป็นการกำหนดหรือจัดความสำคัญของสิ่งที่จะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

OKR ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มองหาเครื่องมือในการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และสามารถสื่อสาร และวัดสัมฤทธิผลของวัตถุประสงค์นั้นได้ครับ