นวนิยายเรื่อง ชินนูเฮ แพทย์อียิปต์โบราณ

นวนิยายเรื่อง ชินนูเฮ แพทย์อียิปต์โบราณ

หนังสือนวนิยายแปลจากต่างประเทศ (ฟินแลนด์) ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐฯ เล่มหนึ่ง

 ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ราว 40 ภาษา เป็นนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ที่สะท้อนชีวิตคน หลายระดับในสังคมอียิปต์ยุคสามพันกว่าปีที่แล้ว แนวชีวิตผจญภัยที่ทั้งสนุก ทั้งมีศิลปะในการเขียน ความสมจริง ความงาม ความสะเทือนใจ ให้ความรู้และข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์และสังคมโบราณที่แปลกและน่าสนใจ

อียิปต์ในยุคนั้นเป็นอาณาจักรใหญ่ที่รู้จักใช้ตัวหนังสือบันทึกบนแผ่นดินเหนียวตากแห้ง มีการแพทย์และศิลปวิทยาการ เทคโนโลยี เช่น การคำนวณ การชลประทาน การเกษตร การก่อสร้าง การขนส่ง การสงคราม ฯลฯ ที่เจริญในระดับหนึ่ง แต่คงเป็นระบบสังคมแบบทาสและศักดินาโบราณ ที่ปกครองโดยฟาโรห์ ผู้มีอำนาจสูงสุดแบบทรราช ร่วมกับพวกผู้นำพระในลัทธินับถือเทพเจ้า และนายทหารที่คุมกำลัง เป็นสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงและการกดขี่ทางชนชั้นและทางเชื้อชาติ มีสงครามและการใช้อำนาจบาตรใหญ่ ในช่วงที่ไม่มีสงคราม ผู้คนพอดำรงชีวิตอยู่แบบหาความสุข ความพอใจไปตามสถานะภาพของตนเองไปวันๆ ได้

ชินนูเฮ ชาวอียิปต์ ลูกกำพร้าที่พ่อแม่สามัญชนเก็บมาเลี้ยง เข้าเรียนฝึกฝนเป็นหมอที่เก่งระดับผ่าตัดสมองรักษาโรคบางอย่างได้ ได้เป็นหมอรักษาคนสำคัญหลายคน รวมทั้งเป็นหมอประจำราชสำนัก ชีวิตของชินนูเฮผันผวนขึ้นๆ ลงๆ เพราะปัญหาชีวิตส่วนตัว เช่น ถูกผู้หญิงคนแรกที่เขาหลงรักปอกลอกสมบัติไปหมด และปัญหาการเมืองของชนชั้นผู้ปกครองเจ้าเล่ห์ และสงครามระหว่างเจ้านครรัฐต่างๆ (เช่นพวกซีเรีย บาบิโลน ฮิตไตท์ ฯลฯ) เขาเกือบตายหลายครั้งแต่ก็รอดมาได้ และบางช่วงก็ร่ำรวยมีสถานะทางการเมืองสังคมสูง เป็นทั้งเรื่องกึ่งโรแมนติก กึ่งผจญภัย กึ่งสมจริง สไตล์การเขียนเป็นนวนิยายแบบสมัยใหม่ที่พยายามอธิบายความคิด อารมณ์ความรู้สึกของตัวละครสำคัญโดยเฉพาะชินนูเฮ ต่อสถานะการณ์และผู้คนต่างๆ ควบคู่ไปกับเสนอเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงในสังคมอียิปต์ยุคนั้นต่างๆ ได้ค่อนข้างลึก

ผู้เขียนเป็นชาวฟินแลนด์ผู้สนใจประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ เขาเขียนเรื่องนี้ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยุโรปปั่นป่วนวุ่นวายจากการทำสงครามแบบล้างผลาญของฮิตเลอร์และพรรคพวก เรื่องเล่าของชินนูเฮ ผู้เป็นปัญญาชนที่คิดต่างไปจากคนอื่นๆ ในแง่หนึ่งคือการแสดงทัศนะของผู้เขียนที่เหนื่อยหน่าย เห็นความไร้สาระของสงครามที่ประชาชนจำนวนมากต้องเสียชีวิตและทุกข์ทรมาน

ชินนูเฮเดินทางไปเรียนรู้และผจญภัยในนครรัฐต่างๆ ตามการชักชวนและสนับสนุนเงินทองจากนายพลที่เคยเป็นเพื่อนเขาแต่วัยหนุ่ม เพื่อไปสืบหาข่าว เรียนรู้สังคมอื่น เขาเอาตัวรอดได้จากการเสี่ยงภัยหลายครั้ง เพราะความเป็นหมอที่เก่งและเป็นคนฉลาด เป็นคนซื่อ มีเมตตา คนหลายคนรักหรือคิดว่าเขาไม่มีพิษภัย

นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนปัญหาของประชาชน เลห์เพทุบายของชนชั้นผู้ปกครองที่เล่นเกมยื้อแย้งอำนาจและความชอบธรรม เรื่องของผู้หญิงที่มักเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และต้องต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยวิธีต่างๆ ปัญหาความขัดแย้งที่สำคัญคือการที่ฟาโรห์องค์หนึ่งเกิดนิมิตรเห็นเทพเจ้าองค์ใหม่ ที่อ้างเรื่องความทัดเทียมกัน และสันติภาพ ขณะที่พระที่เป็นชนชั้นที่มีอำนาจครอบงำประชาชนมานาน ศรัทธาในเทพเจ้าองค์เดิม ซึ่งสอนให้คนยอมรับเรื่องความแตกต่างทางฐานะของคนแต่ละคน เรื่องระเบียบและการใช้กำลังเพื่อสงคราม

แนวคิดของฟาโรห์คนใหม่ที่ฟังดูเหมือนจะก้าวหน้าเป็นเรื่องความเพ้อฝันมากกว่า เพราะเขาไม่มีนโยบายและไม่มีความสามารถที่จะปฏิรูปสังคมให้เป็นแบบที่เขาฝัน และในสังคมยุคนครรัฐศักดินาที่แข่งขันต่อรองกันด้วยกำลังทางทหารนั้น การคิดเรื่องสันติภาพแบบเถรตรง กลายเป็นความอ่อนแอไร้เดียงสาที่เปิดช่องให้ข้าศึกโจมตี และในที่สุดฟาโรห์องค์นั้นก็ถูกฝ่ายพระและนายพลร่วมมือกันโค่นล้ม แต่ไม่ว่าฝ่ายไหนขึ้นมามีอำนาจ ประชาชนก็เป็นผู้สูญเสียอยู่ดี

อย่างที่ผู้อาวุโสของหมู่บ้านแห่งหนึ่งพูดกับชินนูเฮว่า คนที่เตือนเราไว้พูดถูกว่า ระวังการเปลี่ยนแปลง ในหมู่คนจน จะมีแต่แย่ลง ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนอะไรก็ตามในโลก รับรองได้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ข้าวของคนจนลดลง และน้ำมันในไหยุบลง

ในทัศนะของคนอียิปต์ในยุคนั้นซึ่งมีสงครามโหดร้าย และสังคมที่ชนชั้นสูงแก่งแย่งกันและใช้อำนาจบาตรใหญ่ ชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอนสูง คนมุ่งใช้ชีวิตปัจจุบันไปวันๆ เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร พวกเขามองความตายเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และเชื่อว่าเป็นการเดินทางไปสู่อีกภพหนึ่งที่น่าจะดีกว่าภพปัจจุบัน

ความคิดที่สะท้อนปรัชญาชีวิตของคนอียิปต์หรืออย่างน้อยของชินนูเฮได้ดี คือตอนที่เขาเข้าไปหาอาซีรู เจ้านครรัฐคนหนึ่งที่เคยเป็นเพื่อนเก่าของเขา เจ้าผู้นี้เคยขึ้นต่ออียิปต์ ต่อมาทำสงครามและเป็นฝ่ายแพ้ ถูกจองจำไว้ เพื่อจะถูกประหารชีวิตในวันรุ่งขึ้น

ข้าไปหาอาซีรู เพราะบัดนี้เขาไม่มีมิตรเลยในทั่วทั้งซีเรีย คนที่สูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดของตน และถูกลงโทษด้วยความตายอันอัปยศนั้นไม่เคยมีเพื่อน ข้ารู้ว่าเขารักชีวิตยิ่ง และหวังว่าจะชักชวนเขาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าเคยเห็นเกี่ยวกับมันว่า มันไม่มีค่าที่จะอยู่ ข้าอยากรับรองกับเขาในฐานะแพทย์ว่าความตายเป็นเรื่องง่าย ง่ายกว่าความทรมาน ความโศกเศร้า และความทุกข์ของชีวิต ชีวิตเป็นเปลวไฟที่แผดเผา ความตายคือน้ำดำมืดแห่งการหลงลืม

พิมพ์โดยมูลนิธิหนังสือเพื่อสังคม ติดต่อได้ที่โทร/ไลน์ 097-2037475 เฟซบุ๊ก : มูลนิธิหนังสือเพื่อสังคม หรือในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์สิริกิตต์ช่วงวันที่ 29 มี.ค.-9 เม.ย. ที่บูธทับหนังสือ แสงดาว สายธาร หมอชาวบ้าน เคล็ดไทยฯลฯ