การลงทุนในหุ้นนวัตกรรม

การลงทุนในหุ้นนวัตกรรม

การลงทุนในหุ้นนวัตกรรม

“รถยนต์ไร้คนขับ … หุ่นยนต์ขนส่งสินค้า … โทรศัพท์ที่ตอบโต้กับคนใช้ได้ และอื่น ๆ อีกเยอะ! ที่ถ้าคุณลองมองย้อนไปสัก 10-20 ปี คงไม่มีใครคิดว่ามันจะมีของพวกนี้เกิดขึ้นในชีวิตเรา” สิ่งเหล่านี้เป็นผลพวงที่เกิดจาก “นวัตกรรม (Innovation)” หรือสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบสนอง “ความขี้เกียจ” ของมนุษย์นั่นเอง

เพื่อให้คุณได้เห็นภาพ ลองมาดูตัวอย่างของ “โทรศัพท์มือถือ” ที่จากเมื่อก่อนเป็นเพียงของใช้ไว้เพื่อการติดต่อสื่อสารเท่านั้น แต่ทุกวันนี้มันทำได้ตั้งแต่ ถ่ายรูป แชท ดูแผนที่ ฟังเพลง เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ไปจนถึงเล่นเกมส์ต่าง ๆ ที่มีหลากหลายมาก ๆ ถูกเชื่อมต่อด้วยโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว ซึ่งผมมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้มันได้แพร่กระจายไปยังคนหลายกลุ่ม หลายวัฒนธรรม หลายประเทศทั่วโลก พูดง่าย ๆ ว่ามันแทรกซึมเข้ามาอยู่ในปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตแล้ว! และจะคงอยู่กับเราเป็นอย่างนั้นต่อไปอีกยาวนาน

“ถ้าใคร ๆ ก็ใช้สิ่งของจากนวัตกรรม แล้วธุรกิจด้านนวัตกรรมจะได้เงินมากขนาดไหน?”

อันนี้เป็นคำถามที่น่าคิดนะครับ เพราะการที่คนหลายพันล้านคนเอาชีวิตไปผู้ติดกับเรื่องของนวัตกรรม เราจึงเห็นบริษัทนวัตกรรม เทคโนโลยีหลายแห่งเติบโตกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ต่างจากเมื่อสัก 10-20 ปีก่อน ที่ถ้าหากเราดูอันดับ Market Cap. หรือมูลค่ากิจการตามราคาตลาดแล้ว กลุ่มบริษัทชั้นนำจะตกเป็นของกลุ่มพลังงาน และสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า 4 ใน 5 ของบริษัทที่มี ขนาด Market Cap ที่ใหญ่ที่สุดใน S&P 500 ล้วนแต่เป็นกลุ่มบริษัทที่โดดเด่นเรื่องนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็น APPLE ,Microsoft ,Amazon หรือ Face Book แหมคุ้นหน้าคุ้นตา เราๆท่านๆทั้งนั้น แต่ไม่เฉพาะเราที่คุ้น กลุ่มนี้คุ้นกันทั่วโลก เพราะสินค้ากลุ่มนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมักจะแพร่กระจายให้บริการใช่กันทั่วโลก และกลุ่มบริษัทด้าน Technology นั้นมีผลประกอบการขยายเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 5 ปีที่ผ่านมาที่โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มีความพร้อมคนเข้าถึงการสื่อสารมากขึ้น โทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานและทำหน้าที่ได้มากขึ้น ต่างจากยุคฟองสบู่ Dot Com หรือช่วงปี 2543 ที่กลุ่มเทคโนโลยีพุ่งแรง คนคาดหวังสูงมากแต่โครงสร้างต่างๆยังไม่พร้อม ทำให้ราคาไปเกินแต่กำไรยังไม่มา

ดีจริง หรือแค่หลอก?

ดูแค่ราคา บางทีไม่รู้ว่าบริษัทเติบโตดีจริงไหม? ผลกำไรดีหรือเปล่า? เรื่องนี้เราวัดได้ด้วยอัตราส่วน ROE (Return on Equity) หรืออัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (กำไรสุทธิ หาร ส่วนของผู้ถือหุ้น) เพื่อที่จะวัดว่าบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มนี้ สร้างผลตอบแทนเป็นกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับส่วนที่ผู้หุ้นลงเงินไปบริษัทกลุ่มนี้มีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย 10 ปี สูงถึง 22.2% ซึ่งอาจจะไม่แปลกสำหรับธุรกิจแนวนี้ แต่ที่น่าสนใจคือตัวเลขไม่แกว่งเลย อยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยมาตลอด

บริษัทด้านนวัตกรรมที่ว่า…หน้าตาเป็นแบบไหน?

Apple – ผู้นำด้าน Smart Phone ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เรารู้จักดันดีเช่น iPhone, iPad, Mac Book และระบบปฏิบัติการ iOS เป็นต้น

Facebook – ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Facebook ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการและโฆษณากว่า 27,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Alphabet – ผู้พัฒนา Google Website, Google Map รวมไปถึงระบบปฎิบัติการอย่าง Android เป็นต้น

amazon – ผู้ให้บริการซื้อขายของผ่าน Website ที่มีเครือข่ายใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

นี่เป็นเพียงบริษัทตัวอย่างที่ดำเนินธุรกิจในด้านนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าเราต่างก็เคยได้ใช้บริการของหลาย ๆ บริษัทในนี้อย่างแน่นอน ถึงตรงนี้หลาย ๆ คนจะรู้สึกแล้วว่า บริษัทพวกนี้ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทที่อยู่แค่เดี๋ยวเดียว แต่เป็นบริษัทที่กำลังเติบโต และสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้คนเราใช้อย่างไม่สิ้นสุด

สำหรับคนไทยเราหวังที่อยากให้มีบริษัทลักษณะนี้มากๆในบ้านเราแต่ยังมีอยู่จำกัด แต่ไม่เป็นไรเพราะ ในช่วงวันที่ 27 ก.พ. – 8 มี.ค. นี้ บลจ.บัวหลวงกำลังจะมีกองทุนใหม่ (IPO) ซึ่งจะไปลงทุนในกองทุน Fidelity Funds – Global Technology Fund (Master Fund) ที่เน้นลงทุนในกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งมีผลงานโดดเด่นในระยะยาว

โดยสามารถติดต่อได้ที่ส่วนธุรกิจกองทุนรวมของหลักทรัพย์บัวหลวงที่เบอร์ 02-618-1116 และ 1019