ประเทศไทยกับโอกาส ผู้นำด้าน ‘Data Science’

ประเทศไทยกับโอกาส ผู้นำด้าน ‘Data Science’

Data Revolution หรือ ‘ยุคแห่งการปฏิวัติข้อมูล’ เป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหม่ ที่กำลังเปลี่ยนแนวทางดำเนินธุรกิจในทุกวงการ

Data Revolution หรือ ‘ยุคแห่งการปฏิวัติข้อมูล’ เป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหม่ ที่กำลังเปลี่ยนแนวทางดำเนินธุรกิจในทุกวงการ ปัจจุบันบริษัทที่สามารถปรับตัวให้เข้ายุคสมัยที่ใช้ข้อมูลได้จะสามารถสร้างนวัตกรรมและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้บริษัทตัวเองได้ บริษัทไหนที่ปรับตัวไม่ได้จะกลายเป็นบริษัทที่กำลังล้าหลัง ช่วงเวลานี้ คือโอกาสทองของประเทศไทยที่เราจะเริ่มต้น และก้าวสู่ผู้นำในตลาดข้อมูลในภูมิภาคได้

ยุคเศรษฐกิจแบบดิจิทัล ไทยกำลังตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ ที่ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางบริษัทชั้นนำทางเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทด้านเทคโนโลยีรวมถึงบริษัทที่ผลิตแอพพลิเคชันชั้นนำเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น เห็นได้ว่าประเทศเรากำลังสูญเสียพื้นที่ทางการค้าเทคโนโลยีในหลายด้าน พูดตามตรงแล้วอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ไทยกลับมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีบางอย่างในภูมิภาคนี้อีกครั้ง

แต่สำหรับศาสตร์ใหม่อย่าง Data science (วิทยาศาสตร์ข้อมูล) และ Artificial Intelligence หรือ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่ทุกคนต่างกำลังเริ่มต้นจากจุดเดียวกัน ไทยจึงมีโอกาสกลายเป็นศูนย์กลางและเป็นผู้นำด้านนี้ได้ เซอร์ทิสเองเชื่อว่าเป้าหมายนี้เป็นสิ่งที่สำเร็จได้และเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์องค์กรเช่นกัน

Data science และ AI ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนกล่าวว่า ประเทศเราขาดบุคลากรที่จะมาเป็นผู้นำในด้านนี้ แต่ผมเห็นต่าง ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยเป็นคนฉลาด ผมใช้เวลาหลายปีทำงานในบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ทั้งลอนดอนและปักกิ่ง แล้วพบว่า คนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก หลายครั้งเราอาจลืมไปว่าเด็กไทยหลายคน เคยไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการและได้เหรียญกลับมามากมายในแต่ละปี กลุ่มคนที่มีความสามารถสูงเหล่านี้ คือ ขุมทรัพย์ที่มีค่าอย่างหนึ่งของคนไทย สิ่งที่พวกเราคนไทยยังขาดอยู่ คือ การฝึกฝนทักษะที่ถูกต้องให้คนเหล่านี้ และสร้างโอกาสให้ตนเองแข่งขันกับตลาดโลก

ไทยเป็นผู้นำระดับโลกของอุตสาหกรรมหลายอย่าง เช่น ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน หนึ่งในผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในปีหนึ่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์รักษาคนไข้ได้ถึงสองเท่าของโรงพยาบาลทั้งหมดในสิงคโปร์ มีโอกาสมากมายที่เราจะผสานความแข่งแกร่งธุรกิจโรงพยาบาลกับการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ล้ำหน้าได้

ด้วยความสามารถธุรกิจชั้นนำเหล่านี้ ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และข้อมูลของธุรกิจมาพัฒนาความสามารถด้านข้อมูลของคนในชาติให้ก้าวหน้าได้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสร้างประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางของ Data science

ท้ายนี้ผมจึงอยากเสนอแนวทางส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Data Science ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนี้ หนึ่งคือเราจำเป็นต้องผลิต Data Scientist ให้มากขึ้น ซึ่งมหาวิทยาลัยจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้เป็นจริง สองคือสนับสนุนจากรัฐบาลที่มากขึ้น ด้วยการเปิดเผยข้อมูลรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ทำให้บริษัทต่างๆ นำข้อมูลที่บริษัทตัวเองมีอยู่ มารวมกับข้อมูลที่ได้จากรัฐบาลและสร้างโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น

นอกจากนี้เมื่อรัฐบาลไทยใช้ข้อมูลมากขึ้นจะทำให้เกิดความต้องการของ Data Specialist (ผู้เชี่ยวชาญทางข้อมูล) เพิ่มมากขึ้น และสุดท้าย คือ ผมอยากเสนอให้บริษัทต่างๆ ในไทยลองใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทำธุรกิจให้มากขึ้น ให้แข่งขันในโลกที่กำลังเปลี่ยนไปได้ ทั้งหมดนี้จะทำให้ความฝันที่จะปั้นไทยให้กลายเป็นศูนย์กลาง Data Science เป็นจริง