คดีสังหารคิมจองนัม : ยิ่งสาวยิ่งพิสดาร
สาวอินโดนีเซียที่ถูกตำรวจมาเลเซียจับ ในข้อหาโยงใยกับการเสียชีวิตของคิมจองนัม
ให้การว่าเธอถูกจ้างด้วยเงิน 90 เหรียญ (ประมาณ 3,200 บาท) ให้เอาน้ำยา “เบบี้ออลย์” ป้ายใส่หน้าของเหยื่อ “เป็นการเล่นพิเรนทร์” ให้ตลก ๆ เท่านั้น
แต่สาวผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่งที่เป็นชาวเวียดนาม บอกตำรวจว่าหลังจากเอาน้ำยานั้นโปะใส่หน้าคิมจองนัมแล้ว เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือและหน้าให้สะอาดทันที
น้ำยาที่ว่านี้กลายเป็น VX nerve agent หรือสารเคมีทำลายประสาทอานุภาพร้ายแรง ถึงขั้นทำลายชีวิตภายในสองชั่วโมง
ตำรวจมาเลเซียไปค้นอพามเม้นท์ ในกัวลาลัมเปอร์ของผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง ที่เป็นเกาหลีเหนือเพื่อตรวจว่ามีสารอันตรายอะไรอย่างอื่นอีกหรือไม่
ตำรวจมาเลเซียบอกว่าผลการสอบสวนยืนยันว่า ผู้หญิงทั้งสองคนรู้ว่าตัวเองทำอะไรไปแน่นอน ไม่ใช่เรื่องถูก “หลอกใช้” อย่างที่กล่าวอ้าง
ขณะเดียวกันตำรวจมาเลเซียก็เตรียมออกหมายเรียกเลขานุการโท ของสถานทูตเกาหลีเหนือที่เมืองหลวงมาเลเซีย หากเขาไม่ทำตามคำขอให้มาให้การในเรื่องนี้
ยังไม่แน่ชัดว่าหากเขาอ้างสิทธิทางการทูต ตำรวจมาเลเซียจะเดินหน้าออก “หมายจับ” หรือไม่
และมีรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่เป็นเกาหลีเหนืออีกอย่างน้อย 7 คน
ผลที่ตามมาขณะนี้คือความตึงเครียดที่สูงขึ้นอย่างมาก ในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศทั้ง ๆ ที่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้คนมาเลเซียและเกาหลีเหนือสามารถไปมาหาสู่กันได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า
“ขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกต่ำกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และจากนี้ไปความสัมพันธ์ก็จะไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีก” บรรณาธิการใหญ่ The Star ของมาเลเซียบอกผมระหว่างที่เราร่วมกันวิเคราะห์ข่าวเรื่องนี้ใน Facebook Live วันก่อน
ภาษาที่ใช้ระหว่างกันก็นับวันจะรุนแรงขึ้น หลังจากที่ทูตเกาหลีเหนือชี้นิ้วไปที่รัฐบาลมาเลเซียว่าได้ “สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูของเราในการทำสิ่งที่ผิดกฎหมายและละเมิดศีลธรรม” รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียก็โต้ว่าทูตคนนี้กำลังตกอยู่ใน “ภาวะจิตหลอน” ไม่สามารถยอมรับความจริงได้
มาเลเซียเชื่อว่าคำสั่งลอบสังหารคิมจองนัม พี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอึนนั้น มาจากกลไกรัฐระดับสูงสุดของเปียงยาง แม้จะไม่ระบุว่าต้นตอของคำสั่งมาจากคิมจองอึนเอง แต่แวดวงการทูตก็วิเคราะห์ตรงกันว่านี่เป็น “ศึกน้องสั่งฆ่าพี่” ค่อนข้างแน่นอน
ยิ่งผลการสอบสวนของตำรวจมาเลเซียได้รับการเปิดเผยมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เห็นถึงความพิสดารของแผนลอบสังหารครั้งนี้อย่างน่าทึ่ง เพราะสาร VX nerve agent
ไม่ใช่จะซื้อหากันได้ง่าย ๆ และเป็นไปได้ว่ามันออกมาจากคลังแสงอาวุธร้ายแรงของเกาหลีเหนือนั่นเอง
หากเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมมีคำถามต่อว่าไฉนผู้หญิงสองคนที่ถูกกล่าวหา ว่าเป็นผู้เอาสารพิษเหลวนี้ไปปาดใส่หน้าของคิมจองนัมได้อย่างไร จึงไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงจากปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
อีกทั้งยังมีคำถามว่าสารเหลวที่มีอานุภาพสังหารร้ายแรงที่สุดในบรรดา “อาวุธเคมี” ทั้งหลายนี้เล็ดรอดเข้ามาในประเทศมาเลเซียได้อย่างไร
จึงไม่ต้องสงสัยว่าตำรวจมาเลเซียต้องรีบส่งทีม ไปทำความสะอาดสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุเพื่อไปตรวจสอบว่ายังมีเจ้า VX nerve agent นี้หลงเหลืออยู่ที่จุดใด ที่อาจจะทำให้คนที่สัมผัสอาจมีอันตรายอย่างรุนแรงด้วย
เกมนี้กำลังขยายผล กลายเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือกับหลายประเทศ ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร