นวัตกรรมแห่งยุคของ E-commerce

นวัตกรรมแห่งยุคของ E-commerce

อย่างที่แฟนนักอ่านทราบกันดี ตลาด E-commerce บ้านเรา โตเร็วแบบก้าวกระโดดสุดๆ

ว่ากันว่าภายในปีนี้ มูลค่าตลาด E-commerce บ้านเรา อาจจะทะลุสูงเกินกว่า 2.5 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว!           

            จริงๆภาพของ E-commerce ทั่วโลกเอง ก็ไม่ได้แตกต่างจากเราเท่าไรนักครับ  เรียกได้ว่าทุกๆประเทศ มีอัตราการเติบโตของ E-commerce แบบน่าตกใจกันเกือบทุกประเทศ  อาจจะกล่าวได้ว่า การ Shopping Online สมัยนี้  กลายเป็นเรื่องปกติ  ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดดังสมัยก่อน 

            แน่นอนครับ ตลาดโตแบบก้าวกระโดดขนาดนี้  ย่อมจะต้องมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นตัวผลักดัน  ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านๆมา  ก็มีเทคโนโลยีทางด้าน E-commerce ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย   แต่จาก Research ของฝรั่ง (RTB House) ที่ฟันธงขึ้นมา แบบไม่กลัวขายหน้า ว่าจะมีสุดยอดเทคโนโลยี อยู่ 3 อย่าง ที่จะสร้างผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ ในตลาด E-commerce  ต่อจากนี้ไป ลองมาดูกันครับ  ว่ามีอะไรบ้าง

 

            Chatbotsหรือ ระบบตอบข้อความอัตโนมัติโดยใช้ AI บน Social Media หลายคนค่อนข้างจะดูถูกเทคโนโลยีตัวนี้  เพราะมีความเชื่อว่า หุ่นยนต์ หรือ AI  ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถตอบข้อความได้เฉกเช่นเดียวกับคนแน่ๆ   แต่ถ้าใครที่คิดแบบนี้ บอกได้เลยครับ ว่าแอบจะเชยหน่อยๆ!  เพราะความสามารถ และ เทคโนโลยี ของ AI บัจจุบันนั้น การตอบกลับข้อความ ไปถึงขั้นแยกไม่ออกแล้วนะครับ  ว่าเรากำลังคุยกับ AI หรือ คนอยู่ 

            ถ้าเรากำหนดกรอบแคบๆในการ Chat  เป็นแค่เรื่องของการซื้อขายสินค้า จากการทดสอบ พบว่า Chatbots สามารถทำหน้าที่แทนคน ได้อย่างยอดเยี่ยม ฉับไว และหลายครั้ง สามารถที่จะตอบดีกว่าคนเสียอีก เพราะมีระบบฐานข้อมูลมากกว่า และ ตอบคำถามได้ไวกว่า

            จาก Research  เราจะพบกว่าร้านค้าไหนที่ไม่ยอมตอบข้อความทาง Social Media  มีโอกาสที่สูญเสียลูกค้าถึง 15% (ผมเชื่อว่า ถ้าในไทย ตัวเลขจะสูงกว่านี้ ) และ ถ้าร้านค้าไหนสามารถตอบข้อความทาง Social Media ได้อย่างรวดเร็ว  ก็จะมีโอกาสขายของได้มากขึ้นถึง 20-40%  เลยทีเดียว             ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเท่าไรครับ  ถ้า Chatbotsจะเข้ามาติด 1 ใน 3 นวัตกรรมสุดยอดของ E-commerce 

            สำหรับบ้านเรา Chatbots อาจจะต้องรออีกสักระยะ ผมเห็นมีผู้พัฒนาหลายเจ้าในไทย พยายามทำ Chatbotsอยู่  แต่เนื่องด้วยภาษาไทยของเรา มันเข้าใจยากยิ่งนัก  ดังนั้นคงต้องใช้เวลาพัฒนากันอีกพักใหญ่ ถึงจะเทียบเท่าของต่างประเทศได้

            Progressive web appsหรือ เทคนิคการพัฒนาเว็บไซต์แบบใหม่  ที่ทำให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้เสมือน Mobile Application  การพัฒนา Mobile Application  มีข้อดีหลายอย่างครับ อาทิ ใช้งานง่าย, ทำงานรวดเร็ว ไม่ต้องรอโหลดนาน , มี Feature บางอย่างเหนือกว่าเว็บไซต์ เช่น ระบบ GPS  หรือ ระบบ Push Notification  ( ส่ง Message ไปให้ผู้ใช้งาน App)

              แต่อย่างไรก็ดี  Mobile App เองก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่ไม่ค่อยสะดวก  เพราะก่อนจะใช้งานได้ เราต้องทำการ Download App มา Install ลงเครื่องก่อน  เปลือง Bandwidth เปลืองพื้นที่ในเครื่อง  หลายครั้งเราอาจจะโหลด App มา แต่เปิดใช้น้อยครั้งมาก  โดยเฉพาะ App E-commerce   ซึ่งถ้าไม่ใช่ขาช็อบจริงๆ  คงจะไม่ถึงขนาดช็อบกันทุกวัน

            ดังนั้น จึงมีคนทำการคิดเทคโนโลยีสร้างเว็บไซต์แบบใหม่ขึ้นมา ที่เรียกว่า Progressive Website  โดยให้ตัวเว็บไซต์ที่ถูกพัฒนาโดยเทคโนโลยี Progressive นั้น จะมีความสามารถทับเทียมกับ Mobile Applicationแน่นอนครับ เว็บไซต์ Progressive นั้น จะมีลักษณะเป็น Responsive  ที่สามารถปรับขนาดการแสดงผล บนหน้าจอมือถือและแท็บเล็ตทุกขนาดแบบอัตโนมัติทำงานได้แบบรวดเร็วไม่แพ้  Mobile App  โหลดลื่นปรู๊ดปร๊าดแถมยังสามารถใช้งานแบบ Offline  ได้ด้วย  ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ต้องโหลด App มา Install บนมือถือให้เปลืองพื้นที่

            ร้านค้าเอง ก็สามารถประหยัดงบประมาณได้อย่างมากมาย  เพราะไม่ต้องพัฒนา Mobile App หลาย Platform  ( IOS & Android ) แค่ทำ Progressive Website อันเดียวจบเลย 

            ดังนั้นอนาคตอันใกล้ มีความเป็นไปได้ว่า เว็บไซต์บนโลกออนไลน์ อาจจะค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็น Progressive Web ทั้งหมด

            Deep Learning หรือ ระบบ Machine Learning  ที่แปลงให้คอมพิวเตอร์ มีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง  มีสมองที่จะเรียนรู้ และ ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไปแล้ว ระบบ Chatbots ในข้อที่หนึ่ง ก็ถือว่าเป็นระบบ Deep Learning ประเภทหนึ่งเช่นกัน 

            ในอุตสาหกรรม E-commerce โดยส่วนใหญ่แล้ว  จะนำเทคโนโลยี  Deep Learning มาใช้ในการพัฒนา User experience  กล่าวคือ  นำคอมพิวเตอร์มาวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายซื้อ-ของ ของนักช็อบทั้งหลาย แล้วเก็บบันทึกเอาไว้เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่    ทันทีที่เราหลุดเข้าสู่โลกออนไลน์  คอมพิวเตอร์จะทำการวิเคราะห์พฤติกรรมการท่องเว็บของเราแบบอัตโนมัติ  และสามารถรู้ได้ทันทีว่า คนที่มีพฤติกรรมออนไลน์แบบเราเนี่ย  น่าจะซื้อสินค้าอะไร ?  จากนั้นก็จะระดม ส่งโฆษณาสินค้าที่เราน่าจะซื้อ ขึ้นมาให้เราเห็น  หรือ  ถ้าเราหลุดเข้าไปในเว็บไซต์ E-commerce ที่ใช้ระบบ Deep Learning  เว็บไซต์นั้นก็จะสามารถหยิบสินค้าที่เราอยากจะซื้อ ขึ้นมาโชว์ให้เราเห็นทันที  โดยเราแทบไม่ต้อง search หา

            จะว่าไปแล้วเทคโนโลยีทั้งสามอย่าง ดูเหมือนว่าในประเทศไทยเรานั้น ยังมีผู้พัฒนาอยู่ค่อนข้างน้อย  บริษัท Start-Up หรือ Developer ท่านใดสนใจทำ  ขออย่าได้รอช้า  รีบพัฒนาออกมาเลยครับ  โซวบักท้งเชียร์สุดตัว !