ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมไทย

ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมไทย

ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เป็นประเด็นสังคมที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของพลเมืองผู้บริสุทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม โดยเหตุปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเกิดความผิดพลาดจำแนกได้ 4 ประการคือ 1) ปัญหาด้านปริมาณ 2) ปัญหาอำนาจทุนนิยม 3) ปัญหาโครงสร้างการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยและ 4) ปัญหาศักยภาพของบุคลากรภาครัฐ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ปัญหาด้านปริมาณ เนื่องด้วยปัจจุบันจำนวนคดีอาญาที่ส่งฟ้องในประเทศไทยมีจำนวนมาก โดยข้อมูลจากสถิติคดีของศาลยุติธรรมะระบุว่า ศาลชั้นต้นมีปริมาณคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาในปี 2557 คงค้างทั้งสิ้น 665,722 คดี ส่วนคดีที่รับมาใหม่ในปี 2558 ตัวเลขอยู่ที่ 647,664 คดี ทั้งนี้ จำนวนคดีที่เพิ่มมากขึ้นได้สร้างแรงกดดันแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการเร่งปิดสำนวนคดี โดยอาจขาดความรอบคอบและรัดกุมในการสืบพยานหลักฐาน อันมีผลต่อเนื่องให้อัยการได้รับพยานหลักฐานที่ไม่ครอบคลุมในการพิจารณาคดี

ปัญหาอำนาจทุนนิยม พลเมืองในทุกๆ สังคมล้วนมีความแตกต่างในฐานะเชิงอำนาจและเศรษฐกิจ โดยผู้ที่มีอำนาจและเงินตรามีโอกาสอย่างมากที่จะใช้อิทธิพลในการข่มขู่ คุกคาม และครอบงำการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเกรงกลัวอิทธิพลดังกล่าว เนื่องจากส่งผลต่อหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว ในขณะเดียวกันกลุ่มอิทธิพลจะมีทุนทรัพย์เพียงพอในการยื่นประกันตัว สามารถจ้างทนายที่ช่ำชอง ตลอดจนมีเครือข่ายในวงกว้างมาช่วยสนับสนุนในการสู้คดี จึงทำให้ผู้กระทำผิดมีโอกาสรอดพ้นจากโทษคดีทางอาญา ดังที่เคยปรากฏอยู่ในข่าว เช่น บุคคลที่มีฐานะร่ำรวยทางธุรกิจขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือข่าวอุบัติเหตุเศรษฐีขับรถเบนซ์ชนรถฟอร์ดจนทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย เป็นต้น 

ปัญหาโครงสร้างการทำงานของกระบวนการยุติธรรมไทย  จากวิธีการพิจารณาคดีของระบบศาลไทยที่แยกส่วนกันระหว่าง ตำรวจหรือพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ส่งผลให้ความจริงอาจอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่พนักงานอัยการ และศาล มีบทบาทอย่างจำกัดในการแสวงหาความจริงในกรณีคดีอาญาทั่วไป โดยหากสำนวนคดีที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานมีข้อบกพร่อง การใช้ดุลยพินิจในชั้นอัยการ และชั้นศาล ก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดตามไปด้วย 

ปัญหาศักยภาพของบุคลากรภาครัฐ  โดยปัจจุบันเจ้าพนักงานสอบสวนจำนวนไม่น้อย มีความไม่เข้าใจในหลักการดำเนินคดีอาญาด้วยมุ่งให้ได้ความจริงแท้ อาทิ มีการสืบพยานหลักฐานในด้านลบเพียงด้านเดียวเพื่อมุ่งพิสูจน์ว่าผู้กล่าวหาเป็นคนผิด ในขณะที่ความเป็นจริงแล้ว ควรหาหลักฐานให้ครอบคลุมทั้งทางด้านบวกและลบ เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของพลเมืองซึ่งได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่คดียังไม่มีคำพิพากษาของศาลว่ากระทำความผิด หรือการคุมขังผู้ถูกดำเนินคดีไว้เกินกว่าเหตุจำเป็น รวมไปถึงการใช้ดุลยพินิจของพนักงานอัยการและศาล ที่มักให้ความสำคัญกับพยานหลักฐานของจำเลยน้อยกว่าโจทก์ อันส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น

ทั้งนี้ ปัญหาความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมไทยต้องใช้ระยะเวลาในการปฏิรูป และแก้ไขในเชิงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพ และเต็มเปี่ยมไปด้วย ‘จริยธรรม’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานในกระบวนการยุติธรรมที่จะขาดไม่ได้ โดยเชื่อว่าระบบการศึกษาจะเป็นกุญแจสำคัญในการหล่อหลอมบุคลากรด้านกฎหมายที่ดี ด้วยการอบรมผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจทั้งในเชิงวิชาการและการปฏิบัติ ตลอดจนปลูกฝังและขัดเกลาให้บุคคลเหล่านี้ได้เรียนรู้โลกของการทำงานที่เน้นจริง รู้จักตระหนักถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม และ ต้องปลูกฝังให้คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ

----------------------

ศ.ดร.อุดม รัฐอมฤต 

คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)