จะสร้างภาวะผู้นำและผู้ตามที่ดีในโลกยุคใหม่ได้อย่างไร

จะสร้างภาวะผู้นำและผู้ตามที่ดีในโลกยุคใหม่ได้อย่างไร

ประเทศไทยกำลังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางฐานะรายได้ การศึกษา ปัญหาทางเศรษฐกิจ

สังคม และระบบนิเวศ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมที่สูงและซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะเดียวกันก็มีปัญหาการขาดแคลนภาวะการนำและการขาดผู้นำที่ฉลาด มีวิสัยทัศน์มากพอจะที่นำพาคนทั้งประเทศแก้ปัญหาในเชิงปฏิรูปประเทศเชิงโครงสร้างได้อย่างเข้าใจรากเหง้าและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวคิดเรื่องผู้นำแบบพระเอกขี่ม้าขาว – คนที่ดีพร้อม เก่งพร้อม เข้มแข็ง เด็ดขาด ซื่อสัตย์ เป็นธรรม และสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้อย่างถูกใจคนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องแนวคิดโบราณก่อนยุคทุนนิยมที่ไม่อาจเป็นจริงได้ ไม่ใช่เพราะเราหาคนแบบนั้นไม่ได้ หรือหายังไม่เจอ แต่เป็นเพราะในสังคมเศรษฐกิจทุนนิยมอุตสาหกรรมใหม่ เป็นสังคมที่ต้องใช้ระบบการทำงานแบบรวมหมู่ ที่คนทั้งสังคมหรือส่วนใหญ่ต้องร่วมมือทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล เป็นธรรม เศรษฐกิจการเมืองสังคมจึงจะพัฒนาและก้าวหน้าต่อไปได้จริง สังคมแบบใหม่นี้ต้องการภาวะการนำแบบใหม่ คือนอกจากจะต้องมีผู้นำ (ทั้งแบบรวมหมู่และในระดับต่างๆ) ที่ฉลาด มีวิสัยทัศน์ รับฟังและจูงใจคนส่วนใหญ่ได้ดีแล้ว สังคมนั้นต้องมีรู้จักภาวะผู้ตามหรือพลเมืองที่ค่อนข้างฉลาดมีความรับผิดชอบด้วย

สังคมทุนนิยมอุตสาหกรรมสมัยใหม่จะพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีความเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนกำหนดได้ในระดับหนึ่ง ต้องการผู้นำรวมหมู่แบบประชาธิปไตย ที่สามารถนำประชาชนนำการบริหารประเทศและองค์กรต่างๆ ด้วยความฉลาด วิสัยทัศน์ และความชอบธรรม ไม่สามารถจะพึ่งผู้นำเดี่ยวที่เป็นผู้นำแบบอำนาจนิยมเหมือนสังคมยุคก่อนได้ต่อไป

ผู้นำระดับประเทศในยุคใหม่ ต่อให้มีกำลังทหารหนุนหลัง มีอำนาจทางเศรษฐกิจ และความรู้ข้อมูลข่าวสารหนุนหลังและมีบารมีที่ประชาชนบางส่วนชื่นชอบแค่ไหนก็ตาม ไม่อาจปกครองตามที่กลุ่มพวกตนคิดและไปรอดได้ยาวนานนัก พวกเขาอาจจะอยู่ได้สักระยะหนึ่ง เพราะการขาดทางเลือกอื่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น และได้รับการยอมรับลดลงตามลำดับ สังคมสมัยใหม่ที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและพัฒนาก้าวหน้าได้จริง ต้องการกระบวนการนำแบบประชาธิปไตยรวมหมู่และต้องการการกระจายอำนาจและความรับผิดชอบให้ผู้นำในหลายระดับ ทั้งในครอบครัว องค์กร ชุมชน รัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น ฯลฯ ประชาชนจึงจะสามารถร่วมมือกันทำงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจสังคมเพื่อส่วนรวมอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

การจะพัฒนาผู้นำและภาวะการนำที่ดีได้ในโลกยุคใหม่ จำเป็นต้องพัฒนาผู้ตามหรือประชาชนส่วนใหญ่ให้เป็นคนที่มีการศึกษาแบบที่ปฏิรูปแล้ว มีความรู้ความเข้าใจเรื่องปัญหาต่างๆ อย่างมีเหตุผล เป็นพลเมืองดี มีวินัย มีความรักชาติ หรือจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมด้วย สังคมจึงจะสร้างผู้นำระดับต่างๆ และผู้ตามที่ดีขึ้นมาได้ และทำให้การทำงานแบบประชาธิปไตยรวมหมู่ที่ดีมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปได้มาๆ ขึ้น

ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองสังคมไทยที่สำคัญคือ 1. ปัญหาความล้าหลังเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การเมือง แบบผูกขาดอำนาจในมือคนกลุ่มน้อย ไม่แบ่งปันให้คนส่วนใหญ่ 2. ความอ่อนแอทางด้านภูมิปัญญาและวุฒิภาวะของประชาชน

การจะแก้ไขปัญหาทั้ง 2 ข้อนี้ ได้ต้องการการปฏิรูปทางเศรษฐกิจการเมืองและการปฏิรูปการศึกษาและสื่อมวลชนขนานใหญ่ ช่วยให้ประชาชนได้รับการกระจายทรัพย์สิน, รายได้ มีฐานะทางเศรษฐกิจการเมืองสังคมที่ไม่ห่างกันมากเกินไป มีโอกาสได้รับการศึกษาชนิดที่ฉลาด ใจกว้าง มีเหตุผล เป็นประชาธิปไตย มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม รู้เท่าทันนักการเมือง นักธุรกิจ ขุนนาง (ทหาร, ข้าราชการ) และรู้เท่าทันระบบทุนนิยมโลก (บริษัททุนข้ามชาติ, บริษัทใหญ่ทั้งหลาย) มากขึ้น ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักรวมกลุ่มกันสร้างพลังอำนาจต่อรองของกลุ่มเกษตรกร คนงาน ผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ฯลฯ ที่จะไปช่วยกันผลักดัน ชนชั้นนำให้ต้องบริหารประเทศและชุมชนเพื่อประโยชน์คนส่วนใหญ่มากกว่าเพื่อเจ้าที่ดิน นายทุน ขุนนาง

การจัดการศึกษาในปัจจุบันแบบท่องจำในระบบแพ้คัดออกเพื่อคัดคนส่วนน้อยไปเรียนระดับสูงจบมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทำงานรับใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมผูกขาดที่เป็นบริวารทุนข่ามชาติ เป็นประโยชน์เฉพาะคนส่วนน้อย แต่ยังไม่ใช่การศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองที่ฉลาด/รับผิดชอบมากพอ นำไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจสังคมของประเทศได้อย่างเป็นธรรมต่อเนื่องและยั่งยืนได้

สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องปฏิรูปการศึกษาและสื่อมวลชนให้คนส่วนใหญ่คิด วิเคราะห์เป็น มีวุฒิภาวะ มีความฉลาดทางอารมณ์ มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม เราจึงจะสร้างผู้นำและผู้ตามที่มีความรู้ ความสามารถและศักยภาพในการพัฒนาประเทศไปในทางที่เน้นความเป็นธรรม ประสิทธิภาพเพื่อส่วนรวม การพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างสรรค์ได้ ไม่ใช่แต่เพิ่มความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมอย่างที่เห็นกันอยู่

นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เป็นเพียงยุทธศาสตร์ ยุทธวิถีของการพัฒนาแนวทุนนิยมอุตสาหกรรมที่เน้นความทันสมัยเพื่อเพิ่มผลผลิตและการเน้นการเจริญเติบโตของผลผลิตโดยรวมที่จะเป็นประโยชน์เฉพาะนายทุนส่วนน้อยและสร้างความขัดแย้งและการพัฒนาที่ไม่สมดุลเพิ่มขึ้น ไม่ใช่การพัฒนาหรือความเจริญเพื่อคนส่วนใหญ่ ซึ่งหมายถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประชาธิปไตย และความยั่งยืนของระบบนิเวศ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคน รวมทั้งรุ่นลูกหลานของเราในอนาคตด้วย

การพัฒนาแนวทุนนิยมแบบแย่งส่งเสริมการแข่งขันแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ตัวใครตัวมัน เพื่ออำนาจ ความร่ำรวยส่วนตัว จะสร้างสรรค์สังคมแบบที่ไม่มีใครจะนำใครได้ ไม่มีใครอยากตามใครเพราะต่างคนต่างคิดต่งหวังประโยชน์ไปคนละทิศทาง อย่างไม่ร่วมมือกันหรือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันกัน และก้าวไปพร้อมกัน (ของคน) ทั้งประเทศ

การนำไม่ใช่เรื่องการแสวงหาอำนาจและหนทางในการเอาชนะและครอบงำผู้อื่น การนำ คือการที่คนบางคนสามารถเข้าใจปัญหาได้ดีกว่า แก้ปัญหาได้ดีกว่าและหาทางออกให้กับองค์กร ชุมชนและสังคมได้ดีกว่าคนอื่นๆ ในสังคมไทยที่ขณะนี้มีปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูงและความขัดแย้งที่ซับซ้อน รวมทั้งการขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจการเมืองสังคมที่ควรเป็น จำเป็นที่เราจะต้องวิเคราะห์ปัญหาอย่างวิพากษ์และคิดในเชิงปฏิรูปอย่างกล้าเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างและช่วยกันหาทางสร้างสังคมให้เกื้อกูลต่อการเกิดภาวะการนำชนิดใหม่นี้ขึ้นมาให้ได้

---------------------------

(หลักสูตรปริญญาโทผู้นำทางธุรกิจ สังคม และการเมือง ระบบออนไลน์ มหาวิทยาลัยรังสิตกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษารุ่นที่ 20 ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ค Ma Leadership online หรือที่คุณเจน โทร/ไลน์ 083-2225289)