ความทรงจำระหว่างทางเดินของชีวิต

ความทรงจำระหว่างทางเดินของชีวิต

เนื่องจากว่าในช่วงเวลานี้เป็นงานรับพระราชทานปริญญาบัตรเกือบทุกมหาวิทยาลัย

ผมจึงขอใช้โอกาศนี้เขียนถึงบัณฑิตทุกท่านครับ

ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตทุกท่านที่จะได้เริ่มเดินทางเข้าสู่ “ชีวิตจริงๆ ของมนุษย์

“ชีวิตจริงๆ” ที่เงื่อนไขปัจจัยรอบตัวทุกมิติจะส่งผลต่อตัวตนของท่านอย่างจริงจังและรุนแรง อารมณ์ทุกอย่างที่มนุษย์มีให้ต่อกัน ไม่ว่า รัก ชอบ โกรธ เกลียด ชัง อิจฉา หวังดี ฯลฯ ที่ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาอย่างจริงจังไม่ขาดสายในความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับทุกคนรอบข้าง จะเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนหรือบั่นทอนท่านอย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงความรู้สึกธรรมดาอย่างที่ท่านเคยประสบ

ชีวิตในมหาวิทยาลัย หนึ่งพันกว่าวันเป็นเพียงฉากจำลอง “ชีวิตจริง ซึ่งอย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีทางที่จะเหมือนหรือคล้ายคลึงกับชีวิตจริงได้ จากวันนี้ไป ทุกท่านไม่มีทางที่จะคาดหมาย/คาดหว้งจากคนรอบข้างได้เหมือนอย่างที่เคยหวังและหมายกับเพื่อนในมหาวิทยาลัย การเผชิญปัญหา/การแก้ปัญหา/หรือการอยู่ร่วมกับปัญหา ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องใหม่ในชีวิตทั้งสิ้น

หน้าที่ของ “มหาวิทยาลัย” จึงจะไม่ใช่เพียงแค่การถ่ายทอด ทักษะ ในการทำงาน หากแต่จะเป็นสถานที่ที่สร้างเงื่อนไขให้นักศึกษามีศักยภาพในการเผชิญ “ชีวิตจริง”ให้ได้มากที่สุด สร้างโอกาสให้แก่การทำความรู้จักเข้าใจตัวเองและที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าใจธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของคนอื่นและเข้าใจสังคมที่ถักสานสัมพันธ์รายรอบอยู่

แม้ว่า โดยรวมแล้ว มหาวิทยาลัย” ไม่ได้ตระหนักในเรื่องนี้มากพอ จึงไม่ได้พยายามสร้างเงื่อนไขในการเปิดโอกาสเข้าใจมนุษย์กับสังคม แต่การใช้ชีวิตพันกว่าวันร่วมกัน ก็น่าที่จะทำให้บัณฑิตพอเข้าใจมนุษย์และสังคมมากขึ้นในบางระดับ ซึ่งก็น่าจะเป็นฐานให้ได้ครุ่นคิดอะไรต่อไปได้

หลังจากที่บัณฑิตจบการศึกษาและได้ใช้ชีวิตอีกลักษณะหนึ่งในช่วงเวลาประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา บัณฑิตทุกท่านก็คงได้รับรู้ความซับซ้อนของ “ชีวิตจริง” บ้างแล้ว บางท่านอาจจะรู้สึกถึงความสนุกสนานของชีวิตใหม่ บางท่านอาจจะเจ็บปวดกับการคาดหวังจากนายจ้างหรือเพื่อนร่วมงาน หลายท่านอาจจะสับสนว่าจะเลือกไปทางไหนดี แต่ก็ต้องบอกเน้นย้ำว่าสิ่งที่เผชิญมานั้นทุกอย่างทั้งหมดเพิ่งเริ่มต้น และเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการเดินทางของชีวิต ซึ่งยังอีกยาวไกล

การที่ย้ำว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงการเริ่มต้นการเดินทางของชีวิต ก็เพราะต้องการเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า “ชีวิตจริง” ของบัณฑิตที่จะต้องดำเนินต่อไปนั้น จะเป็นชีวิตที่ประคองได้ยากลำบากมากกว่าคนรุ่นพ่อแม่มากมาย

ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมจะทวีเร็วมากขึ้นในทุกด้านและทุกมิติ การขยายตัวของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีนิยมใหม่จะทำให้ความมั่นคงในการดำเนินชีวิตสั่นคลอนจนไร้หลักยึด เราแต่ละคนถูกทำให้ล่องลอยอยู่ในกระแสของตลาดอย่างโดดเดี๋ยวมากขึ้น การจ้างงานชั่วคราวจะกลายเป็นระบบการจ้างงานหลักของระบบเศรษฐกิจใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้

การทำให้งานเป็นงานชั่วคราวไม่เพียงแค่ทำให้เราไม่มั่นคง หากแต่ได้ส่งผลโดยตรงต่อความหมายและคุณค่าของมนุษย์ผู้ที่เคยเป็นผู้ประกอบสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา คุณค่าของงานที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องยืนยันความหมายของเราในฐานะมนุษย์เริ่มหมดพลังไป

ภายใต้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจดังกล่าว ความสัมพันธ์ทางสังคมทุกมิติทุกด้านจะแปรเปลี่ยน “สังคม” ถูกลดความหมายลงเหลือเพียงความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกชนกับปัจเจกชนเท่านั้น หลักการความสัมพันธ์ทางสังคมที่ครั้งหนึ่งได้สร้างและจรรโลงการอยู่ร่วมกันของผู้คนลดน้อยถอยลง พร้อมกันไป ความเหลื่อมล้ำที่ทวีมากขึ้นจะย่ิงตกย้ำสภาวะเป็นส่วนเสี้ยวของสังคมแบบ ขนมชั้น มากขึ้น

กล่าวได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นนี้ก่อให้เกิดความตึงเครียดขึ้นอย่างสูง ทั้งในชีวิตของคนและความสัมพันธ์ทางสังคมโดยรวม

ภายใต้บริบททางสังคมเช่นนี้ กลุ่มคนร่วมสมัยทั้งหมดถูกทำให้มีสำนึกของปัจเจกและเป็น “ปัจเจกชน” ที่จินตนาการไม่ได้ยึดโยงกับชุมชนและสังคมอย่างเช่นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ฉาบฉวยและมุ่งเน้นผลประโยชน์มากขึ้นมาก

คำถามที่สำคัญ ได้แก่ มีพลังใดบ้างที่จะหล่อเลี้ยงเราให้ดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตอันกอปรไปด้วยความแปลกแยกทางเศรษฐกิจและสังคมเช่นนี้

ความทรงจำที่บรรจุเอาไว้ในระบบอารมณ์ความรู้สึกของบัณฑิตในช่วงมหาวิทยาลัยนี้จะช่วยปลุกปลอบให้ก้าวลุกยามที่ท่านล้มลง ช่วยเตือนสติท่านในยามที่ท่านลำพองใจเพราะความสำเร็จ ที่สำคัญ ความทรงจำของชีวิตในช่วงนี้จะช่วยทำให้ท่านเห็น “ คน” เป็น “คน​” ซึ่งทำให้มองคนอย่างเป็นเพื่อนได้มากกว่าช่วงใดในชีวิต เพราะความทรงจำของชีวิตในช่วงนี้ได้สอนให้ซีมซับในคุณค่าการให้ การอภัย มิตรภาพ ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน

ไม่ว่าในยามเราว้าเหว่ เศร้าหมอง สุขสำราญ หรือกำลังมองหาแนวทางในการเดินทางต่อของชีวิต ความทรงจำจะหวนกลับมาทำให้เราได้ใคร่ครวญต่อทุกสิ่งทุกอย่างมากขึ้น

มนุษย์ยืนหยัดมาได้จนถึงเพราะเรียนรู้และใช้พลังจากความทรงจำในการค้ำยันการมีชีวิต

ขอให้บัณฑิตทุกท่านเก็บรักษา ความทรงจำในช่วงก่อนการเริ่มต้นของชีวิตไว้ และขอให้ประสบความสำเร็จในโลกที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อนนี้อย่างที่ใจปรารถนา