อย่างสร้างความสับสน

อย่างสร้างความสับสน

กรณีการติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศไทย

 โดยกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสะสม 349 ราย ส่วนใหญ่หายปกติและเหลือเฝ้าระวังอยู่เพียง 3 ราย แม้สถานการณ์จะสามารถควบคุมได้ แต่ก็พบการแพร่ระบาดในประเทศ อีกทั้งหลายประเทศได้ออกประกาศเตือนประชาชนของตัวเอง ในการเดินทางมีประเทศไทยให้ระมัดระวังการติดเชื้อไวรัส เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด

แต่ประเด็นความสับสนในขณะนี้ หลังจากมีข่าวว่าพบมารดาที่ติดเชื้อไวรัสซิกา 2 รายแรกในไทยที่ทารกคลอดออกมาและมีศีรษะเล็ก ในขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณะยืนยันไม่ตรงกัน ว่าเป็นการติดเชื้อไวรัสซิกาจริงหรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่าได้ตรวจสอบทารกที่คลอดออกมามีศีรษะเล็กรวม 4 ราย ซึ่งผลตรวจเลือดไม่พบเชื้อไวรัสซิกาทั้งแม่และเด็ก แต่มี 2 รายพบมีภูมิคุ้มกันในกลุ่มโรคฟลาวิไวรัส ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเคยติดเชื้อซิกาไข้เลือดออกและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบต้องรอการวินิจฉัย ของคณะกรรมการวิชาการว่าเด็ก 2 รายที่ศีรษะเล็กเป็นผลจากไวรัสซิกาหรือไม่ แต่ก็ทำให้เกิดความวิตกการติดเชื้อในไทยเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าเรื่องมาตรการป้องกันและการให้ความรู้กับประชาชนทำมาโดยตลอด แต่ก็เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ยากเนื่องไวรัสซิกาติดเชื้อจากยุงเป็นพาหะ ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับการระบาดของโรคระบาดอื่นๆ ดังนั้นจึงเป็นงานหนักอย่างมากสำหรับกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลให้ทั่วถึง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความสับสนเกิดขึ้นว่ามีมารดาและทารกติดเชื้อจริงหรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางคนก็บอกว่ามีการติดเชื้อจริง ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนบอกว่ายังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอผลการตรวจสอบ และเราเชื่อว่าการเสนอข่าวที่ค่อนข้างสับสนของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเอง ก็ยิ่งทำให้สังคมสับสนมากยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้คนตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น และยิ่งยังไม่มีความชัดเจน ข่าวลือและการตื่นตระหนกก็ยิ่งมีมากขึ้นตามลำดับ

อันที่จริง ความร้ายแรงและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสซิกา ได้มีการถกเถียงกันอย่างหนักมาแล้วตั้งแต่ช่วงโอลิมปิกเกมที่บราซิล โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างองค์การอนามัยโลก เห็นว่าจะทำให้เกิดการระบาดออกจากบราซิลอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าหากเกิดการระบาดออกไป จะทำให้เกิดผลกระทบมากกว่าความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจจากมหกรรมกีฬาระดับโลก ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันก็พบว่ามีการระบาดออกไปอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะมาจากมหกรรมโอลิมปิกหรือไม่ก็ตาม

สำหรับประเทศไทยซึ่งขณะนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเป็นพื้นที่ที่มีการระบาด แต่ขณะนี้พบมารดาที่คลอดทารกออกมา และเข้าข่ายว่าจะติดเชื้อซิกา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นหน่วยงานดูแลโดยตรง จะต้องทำงานหนักอีกครั้งหลังเคยมีประสบการณ์ จากการระบาดของโรคต่างๆ ในอดีตและเป็นโรคระบาดยุคใหม่ที่มาจากการติดต่อเดินทางของผู้คนทั่วโลก แต่ความสับสนที่เกิดขึ้นอาจชี้ให้เห็นว่ามีการประเมินผลกระทบ และความน่ากลัวต่ำเกินไป

เราเห็นว่ากรณีโรคไวรัสซิกา แม้จะไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับการระบาดของโรคระบาดในอดีต เนื่องจากจะเป็นอันตรายกับมารดาที่ตั้งครรภ์เท่านั้น แต่เราเห็นว่ากระทรวงสาธารณสุข จำเป็นอย่างยิ่งต้องรีบออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจนในทันที แม้จะอ้างเหตุผลทางเทคนิคในเรื่องการตรวจสอบ เพราะยิ่งให้ข้อมูลสับสนมากเท่าไร ก็ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกมากเท่านั้น กระทรวงสาธารณะน่าจะมีบทเรียนในอดีตในเรื่องนี้ และไม่น่าจะให้เกิดความสับสนในสังคม