ขัดแย้งศาสนา... ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
หากไม่มองเรื่องการเอาชนะ
คะคานทางการเมืองกันมากเกินไป ต้องยอมรับกันได้แล้วว่า ประเด็นขัดแย้งทางศาสนาระหว่าง “พุทธ” กับ “อิสลาม” ในบ้านเรากำลังบานปลายและน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ต้องอธิบายให้เข้าใจตรงกันว่า ตัวศาสนานั้นไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่ที่ขัดแย้งคือ “คน” และ “ความรู้สึก” โดยมีปัจจัยต่างๆ เป็นตัวเร่ง
ปัจจัยภายนอกก็ชัดว่าเป็นเรื่องก่อการร้ายจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง แต่ปัจจัยภายในเองก็มีหลายมิติ และไม่ควรละเลย
อย่างเช่นสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการเขียนรัฐธรรมนูญในเรื่องการอุปถัมภ์ค้ำจุนศาสนาที่ให้น้ำหนักไม่ดี ทำให้เกิดความรู้สึกว่ารัฐจะทุ่มเทการดูแลให้กับศาสนาเดียว คือ พุทธแบบเถรวาท เป็นต้น
เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเร่ง และผลของมันก็ปรากฏแล้ว เช่น การคัดค้านการสร้างมัสยิดในหลายจังหวัด การคัดค้านการก่อสร้างพุทธมณฑลที่ปัตตานี, การเรียกร้องให้ชะลอร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ ซึ่งล่าสุดคนระดับอดีตเลขาฯสมช. ประธานคลังสมอง วปอ. องค์กรทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยยังออกมาขับเคลื่อน
ขณะเดียวกันเราก็กำลังเผชิญกลุ่มผู้นิยมความรุนแรง จากภาคใต้ตอนล่างที่รับงานวางระเบิดนอกสถานที่
พล.อ.ไวพจน์ ศรีนวล นักยุทธศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างมาก ในแวดวงงานความมั่นคง บอกว่า ประเทศไทยไม่มี “ค่านิยมร่วม” ที่คนทุกกลุ่มในชาติยอมรับและยึดถือ ปัญหาชายแดนใต้ที่มีพื้นฐานจากอัตลักษณ์ และความเชื่อที่แตกต่างจึงอ่อนไหวมาก และไม่มีทางแก้ไขได้ สิ่งที่ทำอยู่คืองาน รปภ.และแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ข้อพึงระวังคือการแทรกแซงจากภัยนอกประเทศ เช่น ไอเอส ซึ่งในบางมุมอาจมี “ค่านิยมร่วม” กับคนภาคใต้ตอนล่าง มากกว่ากับคนไทยส่วนอื่น
ชนวนความขัดแย้งจากความต่างทางศาสนาจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป