การงาน 4.0

การงาน 4.0

วันนี้อะไรๆ รอบตัวกลายเป็นยุคที่สี่กันไปหมดแล้ว สมารท์โฟนก็ต้องยุคที่สี่ อุตสาหกรรมก็กำลังจะไปยุคที่สี่

เรียนหนังสือกันก็ต้องเป็นยุคที่สี่ บ้านเมืองก็อยากให้กลายเป็นบ้านเมือง 4.0 และยังมีอีกหลายอย่างที่อยากจะก้าวไปสู่ยุคที่สี่ ถ้าลองช่วยกันคิดดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น น่าจะได้คำตอบว่าทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนแปลงแบบที่ฝรั่งเรียกว่า Disruption คือของเก่าดั้งเดิมต้องปรับเปลี่ยนไป จึงจะคงอยู่ต่อไปได้ ถ้าแข็งขืนต้านทานการเปลี่ยนแปลง ตอนจบก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก คือล่มสลายหายไป

การเปลี่ยนแปลงแบบ Disruption ในครั้งก่อนๆ แตกต่างจากครั้งนี้ตรงที่แต่ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แบบของเก่าหมดสมัย ของใหม่มาทดแทนทั้งหมดไม่พร้อมกันทีเดียวในหลายวงการ โทรศัพท์เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ แต่โทรทัศน์ แต่รถยนต์ แต่รถไฟยังเหมือนเดิม ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ไปทีละวงการ ผู้คนจึงปรับตัวได้ไม่ยากเพราะเรื่องไหนเปลี่ยนก็ปรับวิธีทำงานให้สอดคล้องกับของใหม่นั้น พร้อมๆ กับปลดวางของเก่าออกไปได้โดยไม่ต้องรีบร้อนอะไรนัก เหมือนกับที่เราเปลี่ยนโมบายตามรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาใหม่กันแทบทุกปี จะเปลี่ยนเร็วเปลี่ยนช้าตามความพอใจของแต่ละคน

แต่ที่แน่ๆ คือสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนไปใช้ของใหม่ที่มาไล่ให้ของเก่าอยู่ดี จะบอกว่าฉันพอใจของเก่าของฉัน ก็บอกได้แค่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ต้องเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยนก็ติดต่อกับคนอื่น ตามวิธีการที่คนอื่นเขาใช้ไม่ได้ สังคมรอบตัวเราจะกดดันให้สุดท้ายแล้วเราต้องยอมรับใช้งานของใหม่ แม้ว่าจะเป็นของใหม่ที่มาไล่ของเก่าที่เราแสนจะชื่นชอบไปก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในรอบนี้ โลกใบนี้ ทำท่าทางว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในหลายเรื่องในเวลาใกล้เคียงกัน วันนี้นอกจากที่เราเห็นโยบายยุคที่สี่ที่ห้า เรากำลังจะเห็นรถที่ไม่ต้องมีคนขับ เราเห็นการขนส่งสินค้าทางอากาศเมืองโดยใช้โดรน เราเห็นคอมพิวเตอร์พูดคุยกับเราได้ เราเหมือนมีตาทิพย์สามารถมองเห็นเหตุการณ์จากอีกซีกโลกได้เหมือนกำลังอยู่ในสถานที่แห่งนั้น การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่หลายอย่างพร้อมกันทำให้การงานไม่อาจใช้วิธีทำแบบดั่งเดิมต่อไปได้ ต้องปรับเปลี่ยนให้รับมือสรรพสิ่งที่มากับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่กระทบกับการงานนั้นให้ได้ แต่ก่อนยังพอหาเครื่องมือการจัดการสารพัดอย่างมากำหนดกลยุทธ์ มาช่วยมองอนาคตให้กระจ่างชัดได้ แต่วันนี้บางคนยอมรับกันแล้วว่าตำราการวางแผนเชิงกลยุทธ์นั้น ท่าทางจะเอามาใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว เราจะทำอย่างไรจึงจะอยู่กับการงานยุคที่สี่ได้

วันนี้การงานยุคที่สี่ต้องมีการเรียนรู้ ซึ่งไม่ใช่แค่รู้จักว่าอะไรทำอย่างไร แต่หมายถึงการเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานตามเทคโนโลยี เปลี่ยนตามพฤติกรรมของทั้งบุคลากรในหน่วยงานของตนเอง ลูกค้า ไปจนกระทั่งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง ในการทำงานยุคที่สี่ ทำงานไป สังเกตไปตลอดเวลาว่าอะไรคือเหตุของสิ่งใด อะไรคือผลที่มาจากเหตุใด ทำงานวันนี้อย่าแค่ทำให้เสร็จไปในแต่ละงาน แต่ต้องเรียนรู้อยู่เสมอว่าจะยกประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของงานให้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร เวลาทำงานส่วนหนึ่งจึงต้องกลายเป็นเวลาในการเรียนรู้หาทางดัดแปลงปรับปรุงวิธีทำงานให้เข้ากับเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ๆ

แต่คนเดียวเรียนรู้ทุกเรื่องคงเป็นได้ยาก กว่าจะรู้ดีทุกเรื่องก็คงสายไปเสียแล้วที่จะรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หนทางเดียวที่จะเรียนรู้ได้ทันกาล คือต้องมีระบบบริหารจัดการความรู้ที่ดีเพียงพอ วันนี้ถ้าหน่วยงานใดยังไม่รู้ว่าการจัดการบริหารความรู้ต้องทำอย่างไรกันบ้าง คงต้องรีบเร่งหาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยทำให้เกิดขึ้นในหน่วยงานโดยเร็ว

วันนี้การเรียนรู้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน และต้องมีการแบ่งปันความรู้ในระหว่างกัน ต่างคนต่างเรียนรู้ไม่ได้ผลเสียแล้ว อยากเป็นหน่วยงานที่ทำงานแบบยุคที่สี่ ไม่ใช่แค่มีคอมพิวเตอร์เยอะๆ ไว้ทำงาน แต่ต้องมีระบบบริหารจัดความรู้ที่ดีเพียงพอจะสนับสนุนให้คนทำงานไม่ต้องลองผิดลองถูกซ้ำแล้วซ้ำอีก ในวันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงแบบ Disruption

ทำงานท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเหมือนล่องเรือฝ่าพายุในมหาสมุทร นอกจากต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตลอดเวลาแล้ว ยังต้องมั่นใจในเพื่อนร่วมงาน มั่นใจในผู้บริหาร ล่องเรือฝ่าพายุไปด้วย ระแวงเพื่อนลูกเรือไปด้วย ระแวงกัปตันไปด้วย โอกาสที่จะช่วยกันฝ่าพายุกลับท่าเรือคงมีน้อยเต็มที

การงานยุคที่สี่ต้องการความโปร่งใส ต้องการหลักการมากกว่าแต่ก่อน คนวันนี้รู้จักหลักการ รู้จักตรรกะ ผู้นำจะนำไปทางไหน ต้องบอกกล่าวกันบนตรรกะและหลักการที่รับฟังได้ อย่าปกปิดอย่าบิดเบือนตรรกะหลักการเหมือนเพื่อนร่วมงานเป็นคนโง่ที่บอกอะไรก็เชื่อ เพราะวันนี้บิดเบือนไปก็เหมือนเอามือบังท้องฟ้า ยังไงก็ปิดไม่หมด ความโปร่งใส หลักการและความเชื่อถือระหว่างกันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการทำงานยุคที่สี่ให้ประสบความสำเร็จ

ล่องเรือฝ่าพายุย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ การจัดการกับความผิดพลาดอย่างสร้างสรรค์เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานยุคที่สี่ ผิดต้องเป็นครู วันเวลาของการจ้องจับผิดและเล่นงานให้จนมุม หมดไปแล้วกับยุคที่ทุกอย่างรอบตัวไร้การเปลี่ยนแปลง อยู่เหมือนเดิมเป็นปีเป็นชาติ

หากที่ไหนยังสนุกกับการไล่ล่าจับผิดและเล่นงานกันแรงๆ ที่นั่นหมดหวังที่จะได้ขึ้นรถไฟการงานยุคที่สี่ อยู่ไปแต่ละวันเพื่อรอล่มสลายเท่านั้น ที่แย่มากๆ คือตกรถไฟการงานยุคที่สี่ยังไม่พอ แต่ต่างคนต่างยังภูมิอกภูมิใจกับการทำงานที่เห็นดอกบัวเป็นกงจักรไปหมด