ไม่มีคำ ‘ขอโทษ’ ที่ฮิโรชิม่า... มีแต่การร่วมสรุปบทเรียน
ภาพชุดนี้มีความหมาย...71 ปี หลังสหรัฐถล่มฮิโรชิม่า
และนางาซากิด้วยระเบิดปรมาณู ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยืนหน้า Atomic Bomb Dome เพื่อประกาศว่าโลกนี้จะต้องแสวงหาหนทางให้ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์
อีกรูปหนึ่งโอบามากอดนายชิเกอากิ โมริ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากการที่สหรัฐ หย่อนระเบิดปรมาณูลงเมืองฮิโรชิม่าของญี่ปุ่น เมื่อปี 1945…ผ่านไป 71 ปี โอบามาเป็นผู้นำสหรัฐคนแรก ที่มาแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณของคนญี่ปุ่นหลายแสนคน ที่เสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น
ไม่มีคำว่า “เสียใจ” หรือ “ขอโทษ” จากโอบามาเมื่อเขายืนเคียงคู่ นายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ ของญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ฝันร้ายของโลก เมื่อประธานาธิบดีแฮรี่ ทรูแมนของสหรัฐตัดสินใจถล่มญี่ปุ่น ด้วยระเบิดร้ายแรงเพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่สอง
“เราจำต้องมีการปฏิวัติทางศีลธรรม (moral revolution) เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ไม่เคียงคู่กับความก้าวหน้าของสถาบันมนุษย์ย่อมสามารถสร้างความหายนะให้เราได้...” โอบามาประกาศในพิธีที่ทั้งโลกจับตาว่า เขาจะแสดงเจตนารมย์อย่างไรต่อความทรงจำที่สะท้อนทั้งสงคราม ความโหดเหี้ยม ชัยชนะ ความพ่ายแพ้ ศีลธรรมและความสำนึกผิด
เขาบอกว่ามนุษยชาติจะต้องพยายามหาทางทำให้โลกนี้ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์... แม้ความฝันเช่นนี้จะเกิดไม่ได้ในช่วงชีวิตคนรุ่นนี้ก็ตาม
เพราะอย่างไรเสียอเมริกาก็ยังไม่ยอมสละสิทธิ์ ที่จะพัฒนาอาวุธร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติ ตราบเท่าที่ยังต้องการเป็นผู้ครองโลกอยู่
อีกตอนหนึ่ง โอบามาบอกว่า “เราต่างก็มีความรับผิดชอบร่วมกัน ในอันที่จะจ้องไปที่สายตาแห่งประวัติศาสตร์ และถามว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อีก”
เพราะจะต้องไม่ให้ความทรงจำของเช้าวันที่ 6 ส.ค.1945 เลือนหายไปเป็นอันขาด หาไม่แล้วประวัติศาสตร์แห่งความชั่วร้ายก็จะหวนกลับมาอีกครั้ง
เครื่องบิน B-29 หย่อนระเบิดปรมาณูที่อเมริกาใช้รหัสลับว่า “Little Boy” ลงฮิโรชิม่าวันที่ 6 ส.ค.1945 ผลที่เกิดทันทีคือ 90% ของเมืองถูกทำลายราบคาบ คนตายทันที 80,000 คนและอีกหลายแสนคนตายในเวลาต่อมาด้วยรังสีปรมาณู
อีกสามวันต่อมาปรมาณู รหัสลับว่า “Fat Man” ก็ลงที่เมืองนางาซากิ คนตายทันที 40,000 คน
วันที่ 15 ส.ค.1945 ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ เป็นอันยุติสงครามโลกครั้งที่สอง
ภาพของโอบามากับอาเบะยืนคู่กัน ที่หน้าอนุสรณ์สถานฮิโรชิม่ามีความหมายลุ่มลึกนัก
เพราะคนหนึ่งคือผู้นำของประเทศเดียวในโลก ที่เคยใช้อาวุธนิวเคลียร์ทำลายล้างศัตรู
อีกคนหนึ่งคือผู้นำของประเทศเดียวในโลก ที่เป็นเหยื่อของอาวุธร้ายแรงที่สุดในโลก
และทั้งสองคนนี้มาประกอบพิธีให้ชาวโลกได้รับรู้ ว่าต่างคนต่างจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่ความหายนะเช่นนี้อีก
อีกทั้งเป็นการตอกย้ำอีกบทเรียนหนึ่ง ว่าอดีตศัตรูคู่อาฆาตนั้น ก็สามารถกลับมาเป็นพันธมิตรเหนียวแน่น เพื่อสร้างเสริมความผาสุกให้กับประชาชนของตนได้เช่นกัน
โอบามาพูดเสร็จ ก็เดินมาสวมกอดผู้รอดตายจากเหตุการณ์นั้นหลายคน รวมถึงชายวัย 91 ชื่อซูนาโอะ ซูโบอิ ที่บอกว่า
“ผมไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษได้ก็เข้าใจว่าท่านพูดอะไร มองตาก็รู้แล้ว....” คุณปู่แห่งฮิโรชิม่ากระซิบบอกโอบามา
ข้างหลังคือภาพโดมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งระเบิดปรมาณูที่เรียกว่า Atomic Bomb Dome ที่วันนี้ถูกเรียกเป็น “โดมแห่งสันติภาพ”
ฮิโรชิม่ากับนางาซากิ ไม่ควรจะเป็นสัญลักษณ์ของจุดจบแห่งหายนะ ของความขัดแย้งของมนุษยชน หากแต่ควรเป็นแรงกระตุ้นเตือนให้เป็นจุดเริ่มต้น ของความตื่นตัวทางด้านศีลธรรมและปัญญา