เรื่องของท่อก๊าซปตท. (ตอนจบ)

ในกรณีอื่นๆ จนเป็นอุปสรรคในการที่รัฐเอกชนจะร่วมกันพัฒนาประเทศ

แต่เอาเถอะครับ ในเมื่อศาลตัดสินแล้ว จะผิดจะถูกก็ต้องทำตามเพราะเรายึดหลักนิติรัฐ (ผลกระทบจะดีหรือไม่ดีอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องรับไป) ...ซึ่งผู้เกี่ยวข้องก็พยายามทำตามโดยให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งในการดำเนินการทั้งการตีความ และวิธีการต่างๆ ก็ได้ปรึกษาหารือกับศาลปกครองที่เป็นผู้ตัดสินเองนั่นแหละมาตลอด ซึ่งปตท.ก็ดำเนินการคืนท่อส่วนที่ศาลตีความตัดสินไปแล้ว โดยก็ยอมจ่ายค่าเช่าให้ทรัพย์สินที่ตัวเองจ่ายค่าที่ค่าสิทธิ์และค่าก่อสร้างเองตามที่ศาลท่านสั่ง ซึ่งศาลท่านก็ได้บอกแล้วหลายหนว่าดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว รวมทั้งปตท.ก็ไปดำเนินการแยกท่อส่วนที่เหลือมาตั้งบริษัทใหม่และเปิดให้มี Third Party Access ตามมติดั้งเดิม (โชคดีนะครับที่รัฐไม่ไปตั้งองค์กรรัฐวิสาหกิจใหม่มารับโอนท่อแล้วดำเนินธุรกิจซ้ำซ้อนขึ้นมาให้ทั้งสิ้นเปลืองทั้งมีโอกาสรั่วไหล) ...นักลงทุนก็พอกล้ำกลืนรับได้ ถึงแม้จะคิดว่าไม่ค่อยถูกหลักการ ไม่ค่อยเป็นธรรม

ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะแก้ปัญหาไปได้แล้ว เดินหน้าต่อไปได้ แม้จะเกิดแผลบ้าง เกิดบรรทัดฐานที่อาจมีผลกระทบภายหน้าบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ 100% ...แต่การณ์ปรากฏว่ามีกลุ่มคนที่ยังไม่ยอมยุติ เอาเรื่องเก่าไปฟ้องศาลอีกหลายครั้งหลายหน พยายามเปิดประเด็นใหม่ หาข้อผิดข้อพลาดเปิดกฎระเบียบหยุมหยิมทุกทางที่จะให้เรื่องไม่จบ

บอกตรงๆ ว่า ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ณ จุดนี้กลุ่มคนดีที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องนั้น ท่านต้องการอะไร ...ยังต้องการยึดคืน ปตท.กลับมาเป็นของรัฐ 100% หรือเปล่า ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นก็คงต้องถามว่าทำไปทำไม และจะทำอย่างไร ถ้ารัฐจ่ายตามมูลค่าเป็นธรรมก็ต้องใช้เงินร่วมแปดแสนล้านบาท จะเอาเงินมาจากไหน ถ้ายึดเอาดื้อๆ เกิดวิกฤติมาเยือนประเทศแน่ๆ ...เอามาแล้วจะบริหารอย่างไร จะให้กลับไปเป็นรสก.ภายใต้นักการเมืองก็เตรียมพบรฟท.2 ได้ ...หรือจะตั้งบรรษัทฯให้ NGOs ร่วมบริหาร ก็จะเป็นการตามรอย PDVSA ของท่านชาเวซแห่งเวเนซูเอล่าที่ทำเอาเสียหายไปทั้งประเทศในเวลานี้

ถ้าบอกว่าที่ทำอยู่ไม่ละไม่เลิกนี่ก็เพื่อเอาคนผิดคนโกงมาลงโทษ ทวงเงินค่าเสียหายคืน ผมอยากถามท่านว่าเรื่องนี้ใครโกง ใครได้ประโยชน์มิชอบ ...การแปรรูปปตท.นั้น มีการวางนโยบายไว้ตั้งแต่รัฐบาลอานันท์ต่อเนื่องกันมา รัฐบาลชวน 2 มีการออกพ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจให้แปรรูปได้ รัฐบาลทักษิณกำกับให้ขายหุ้น รัฐบาลสุรยุทธดำเนินการให้มีการแยกท่อให้บริการบุคคลที่สาม รัฐบาลสมัครให้รับโอนท่อกลับตามคำสั่งศาล มาเสร็จเอารัฐบาลอภิสิทธิ์ (เรื่องนี้) ผมไม่เห็นมีใครโกง และไม่เชื่อว่าร่วมมือกันโกงส่งทอดมาได้ 6-7 รัฐบาล (ขอยืนยันว่า ผมไม่ได้การันตีว่า ไม่มีการทุจริตในองค์กรนี้นะครับ ผมเพียงแต่ว่าเรื่องท่อก๊าซนี้เท่านั้น เรื่องอื่นๆ ถ้ามีทุจริตก็ต้องตามตรวจสอบปราบปราม ซึ่งผมก็สนับสนุนเต็มที่)

ดูเหมือนว่า นี่เป็นการต่อสู้เอาชนะกันด้วยทิษฐิล้วนๆ ไปลำเลิกหาประเด็นทุกขั้นตอน ไม่ดูภาพรวมภาพใหญ่กันเลย

กรณีมติ คตง.ล่าสุดที่ให้เอาผิดเอาโทษทางอาญาแถมให้ชดใช้ค่าเสียหายหลายหมื่นล้านกับอดีตรัฐมนตรีคลัง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กับอดีต CEO ของปตท. คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ นั้น มันน่างงไหมครับ ...หมอเลี๊ยบท่านไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย (ผมนึกไม่ออกว่าคุณหมอจะมีหนทางทุจริต หรือได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ได้อย่างไร) เพียงแต่มารับตำแหน่งในช่วงที่ศาลมีคำสั่งตัดสิน ทางเจ้าหน้าที่เขาก็ดำเนินการตามที่ได้ปรึกษาศาล รมต.ก็มีทางเลือกแค่จะดึงเรื่องเอาไว้ หรือแทงผ่าน เพราะไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะหยุดชะงัก คนที่มีความรับผิดชอบก็ต้องกล้าทำงาน เลยได้รับผิดจริงๆ เพราะถูกกล่าวโทษร้ายแรง ...ส่วนคุณประเสริฐยิ่งน่างงหนัก เพราะเขาเป็น CEO ของปตท.ที่เป็นจำเลย ยิ่งต้องรักษาประโยชน์องค์กร พยายามโอนให้น้อยที่สุดเท่าที่ศาลจะยอม ซึ่งเขาก็ทำตามนั้น ถ้าโอนมากเกินไป องค์กรก็อาจเสียหาย ผู้ถือหุ้นอาจฟ้องเอาได้

ผลของเรื่องนี้ ต่อไปคงไม่มีใครกล้าขยับตัดสินใจทำงานอะไร เพราะมีการเปิดกฎตีความหยุมหยิม กำกับตรวจสอบทุกขั้นตอน ไม่คำนึงถึงภาพใหญ่ ไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ ไม่คำนึงว่าแท้จริงมีคดโกง มีทุจริตจริงหรือไม่ ใช้ระเบียบตัดสินมากกว่าจะใช้หลักการ ใช้ข้อเท็จจริง อย่างนี้ประเทศจะหยุดชะงัก กลไกรัฐ (ที่ดำเนินการขยายใหญ่โต) ก็อาจกลายเป็นอัมพาต ไม่มีใครกล้าตัดสินใจทำอะไร

ก็ขอตะโกนถามดังๆ อีกครั้งครับ ว่าท่านอยากได้อะไร ...อยากยึดปตท.คืนมาฟรีๆ ซึ่งก็เสียหายแน่นอน ...จะซื้อคืนราคาตลาดรัฐก็คงหมดตัว ...เอามาแล้วจะบริหารอย่างไร ให้นักการเมืองครอบงำเต็มที่ก็คงแย่ลง ให้ NGOs บริหารก็ไม่มีทักษะ ...อยากได้ท่อเพิ่ม ก็ไม่รู้จะเอามาทำไม ค่าเช่าก็ไม่กี่สตางค์แถมได้ไม่คุ้มเสีย

นี่แหละครับ มัวแต่เอาชนะคะคานกัน ไม่ดูภาพรวม ไม่คิดภาพใหญ่ ประเทศเลยติดกับดักลึกลงลึกลงทุกที

-------------------

บรรยง พงษ์พานิช