'ทนายไก่'คนเลือดร้อน

'ทนายไก่'คนเลือดร้อน

เชื่อว่า คนค่อนประเทศจะตั้งคำถามว่า

 ทำไม วัฒนา เมืองสุข จึงเปิดหน้าท้าชก “คสช.” โดยเฉพาะยกระดับขยับชน “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์”

ปลายปีที่แล้ว “วัฒนา” เปิดฉากวิพากษ์ผลงานรัฐบาล คสช. จนเกิดมีเรื่องมีราวกับทหารชั้นประทวนจากกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) ปราจีนบุรี และถัดจากนั้นมา เขาใช้เฟซบุ๊คเป็นเครื่องมือต่อสู้กับอำนาจ คสช.ชนิดไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม

หลายเสียงมองว่า เขาหวังจะโชว์ผลงานให้เข้าตา “นายใหญ่” แต่บางเสียงก็เชื่อในอุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบนักเลือกตั้ง เขาจึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์ คสช.

ก่อนจะตัดสินว่า เขาทำเพื่อใคร? เพื่ออะไร? ลองไปทำความรู้จักเขาให้มากกว่าที่เห็นและเป็นอยู่

ครั้งหนึ่ง “วัฒนา” อาจได้ชื่อว่า “เขยซีพี” แต่ชาติกำเนิดของเขามาจากครอบครัวคนทำมาค้าขายแห่งลุ่มน้ำปราจีนบุรี

พื้นฐานครอบครัว พ่อเป็นชาวสวนทุเรียน แม่เป็นชาวนา และหันมาทำกิจการรถโดยสารข้ามจังหวัดระหว่างนครนายก-ปราจีนบุรี มีรถอยู่ 2 คัน ซึ่งไม่ได้ร่ำรวยนัก

“ไก่” หรือวัฒนาเป็นเด็กเรียนเก่ง สอบเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบได้ เลยตัดสินใจมาพักอาศัยอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ เล่นกีฬาหาเลี้ยงชีพก็เคยจนเข้ามหาวิทยาลัย

สมัยเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย วัฒนาจัดอยู่ในกลุ่มเด็กกิจกรรม และชอบเล่นกีฬา ครูบาอาจารย์บอกว่าเป็น “พวกเอาเรื่อง”

คำอธิบายคำว่าพวกเอาเรื่องคือ เป็นคนไม่ยอมคน เวลาไม่พอใจใครก็ท้าชก ไม่เคยกลัวใคร แต่จบแล้วก็จบ

ช่วงที่เรียนนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความเป็น คนเลือดร้อน วัฒนาเคยชกต่อยกับเพื่อนนิสิตคณะครุศาสตร์มาแล้ว ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัย

เขาจึงมีบุคลิกของความกล้า และการที่ผ่านการใช้ชีวิตแบบเด็กวัดมาก่อน จึงทำให้เป็น “คนสู้คน”

“ผมเป็นคนไม่ยอมคน แต่จะยอมเป็นคนๆ ให้กับคน 3 กลุ่มเท่านั้น ได้แก่ คนเก่ง, คนดี และคนที่รักผม” วัฒนาเคยให้สัมภาษณ์นักข่าวไว้สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์

เรียนจบนิติศาสตร์ สอบเนติบัณฑิตได้ ก็ยึดอาชีพทนายความ ซึ่งบุพเพสันนิวาสดลให้ “ทนายไก่” มาพบกับลูกความสาวชื่อ พัชรา เจียรวนนท์

“ทนายไก่” เป็นมนุษย์พันธุ์เชื่อมั่นตัวเองสูง จึงกล้าเป็นเถ้าแก่ให้ตัวเองไปเจรจาขอลูกสาวจากสุเมธ เจียรวนนท์ ถึงตึกซีพีทาวเวอร์ พร้อมจัดพิธีแต่งงานกับพัชรา เมื่อปี 2535

เป็น “เขยซีพี” ได้ไม่กี่ปี “ทนายไก่” ตัดสินใจสมัคร ส.ส.ที่บ้านเกิด ในฤดูเลือกตั้ง 2539 ด้วยการชักนำของ สมาน ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรีหลายสมัย แถมเป็นพี่เลี้ยงให้เขา จนได้เป็น ส.ส.สมัยแรกในสีเสื้อพรรคชาติพัฒนา

แม้ว่า “ทนายไก่” จะอาศัยฐานคะแนนของตระกูล “ภุมมะกาญจนะ” แต่คนทั้งเมืองปราจีนฯ รู้ดีว่า เบื้องหลังชัยชนะของทนายไก่คือ คะแนนเสียงจากนักรบบูรพา บวกเสียงจากลูกจ้างซีพี

ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ค่ายพรหมโยธี ปราจีนบุรี สมัยโน้นชื่อ พล.ต.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ยศขณะนั้น) ส่วนผู้บัญชาการทหารบกชื่อ “บิ๊กเหวียง”พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร

สำหรับบิ๊กเหวียงนั้น ก็เป็นนักรบบูรพา โดยช่วงที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม สมัยรัฐบาลทักษิณ ได้สนับสนุนให้ “บิ๊กป้อม” น้องรักจากค่ายบูรพาพยัคฆ์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก

เวลาใกล้เคียงกัน “วัฒนา” ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ก็ตั้ง “สะใภ้บิ๊กเหวียง” อรทัย ฐานะจาโร เป็นเลขานุการ รมช.พาณิชย์

ถ้าย้อนเส้นทางเดินนักการเมืองหนุ่มจะพบว่า “บิ๊กป้อม” เคยรู้จักกับ “ทนายไก่” เพราะในยุคไทยรักไทยรุ่งเรือง “บิ๊กป้อม” ก็อยู่ในฟากฝ่ายนี้

มาถึงวันนี้ บิ๊กป้อมจึงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะให้ ทนายปากกล้ามาลูบคมพยัคฆ์บูรพา