Marketing Automation

Marketing Automation

โลกธุรกิจของเรากำลังถูกผลักดันด้วยความขี้เกียจครับ!!

ฟังแล้วอาจดูติ๊งต๊องเล็กน้อยสำหรับแนวคิดนี้ เร็วๆนี้ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ชื่อว่า The 4-Hour Workweek”  หนังสือขายดีติดอันดับทั่วโลก  ผู้เขียนหนังสือ Timothy Ferriss พูดถึงแนวคิด ที่พยายามทำงานให้มีประสิทธิภาพ โดยลดเวลาการทำงานลงให้มากที่สุด เพื่อให้มีเวลามากขึ้น จะได้ไปทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ

            ลดเวลาไป ลดเวลามา เหลือทำงานแค่  4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์!

            ฟังดูแล้ว ออกจะเหลือเชื่อไม่ใช่น้อย เพราะมนุษย์ทั่วๆ ไปทำงานกันวันละ 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง ถ้าเราลดเวลาทำงานลงได้เหลือ 4 ชั่วโมงจริงๆ ก็เท่ากับว่าลดเวลาทำงานลงได้ถึง 90%

            แต่ถ้าเราไปอ่านหนังสือดูในรายละเอียดแล้ว จะเห็นแนวคิดของการกำจัดงานที่ไม่จำเป็นทิ้ง  คือ งานอะไรที่ทำไปก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับธุรกิจนักก็ไม่ต้องไปทำ ส่วนงานที่จำเป็นจะต้องทำจริงๆ ก็ให้นำงานอันนั้นมา Setup ให้เป็นแบบระบบอัตโนมัติ หรือ ระบบ Automation นั่นเอง 

            ถ้าดูรายละเอียด Timothy Ferriss จะพูดถึงการ Outsource ค่อนข้างมาก จ้างมันเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรับโทรศํพท์ ตอบอีเมล์ การสั่งซื้อสินค้า การจัดส่งสินค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์  ทำระบบทุกอย่างให้เชื่อมโยงกัน โดยมีหลักเกณฑ์หรือกฎระเบียบที่ชัดเจน เพื่อให้คนที่ทำงานแทนเรา ปฎิบัติงานได้อย่างถูกต้อง เป็นไปอย่างที่เราต้องการ

            หลังจากทำการ Setup ระบบ Automation เรียบร้อย Timothy Ferriss  ก็ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก ใช้ชีวิตแบบเสวยสุข แบบนั่งมองบัญชีธนาคารที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกวันๆ 

            ผมคงไม่มานั่งโต้เถียงกัน ณ ที่นี้ว่าแนวคิดของ Timothy Ferriss มันเป็นไปได้ในทุกธุรกิจจริงหรือไม่ เพราะเหมือนจะเถียงกันมาจะเกือบ 10 ปีอยู่แล้ว เถียงจนหนังสือ “The 4-Hour Workweek”  กลายเป็นหนังสือขายดีระดับโลก ส่งผลทำให้นาย Timothy Ferrissยิ่งรวยขึ้นไปอีก! 

            แต่เมื่อเร็วๆนี้ ในวงการ Digital Marketing ต่างประเทศ ได้มีคำศัพท์คำใหม่เกิดขึ้นในวงการ ซึ่งไม่รู้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Timothy Ferriss หรือเปล่า ใช้ชื่อว่าแบบเก๋ไก๋ว่า Marketing Automation”

            คงเดากันไม่ยากนะครับ ว่า Marketing Automation คืออะไร มันคือระบบการทำการตลาดแบบอัตโนมัตินั่นเอง!

            ณ จุดนี้ Marketing Automation ยังค่อนข้างโฟกัสอยู่ในโลก Digital Marketing เสียเป็นส่วนใหญ่ โดยมุ่งเน้นไปที่สร้างระบบอัตโนมัติเพื่อที่จะสร้าง Lead ในการขายสินค้า รวมไปถึง Process ของการทำ CRM    

            จริงๆ แล้วผมคิดว่าแนวคิด  Marketing Automation ไม่ใช่แนวคิดที่ใหม่อะไร มันมีมานานหลายปีแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น  เช่น  Big Data, Programmatic Advertising,  One to One Email Marketing ฯลฯ จึงทำให้ Marketing Automation มีภาพชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

            ระบบอัตโนมัติจะเริ่มตั้งแต่ การหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการซื้อสินค้าของเรา โดยอิงจากระบบฐานข้อมูลที่เรามี  เช่น เว็บไซต์ , Social Media, Email Database, เบอร์โทรศัพท์ ทุกอย่างจะถูกดึงมารวมกันอยู่ตรงกลาง แล้วทำการวิเคราะห์โดยคอมพิวเตอร์ว่ากลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสจะซื้อสินค้าของเรามีใครบ้าง ทั้งนี้อาจจะมีการวิเคราะห์พฤติกรรมจากฐานข้อมูลของเราประกอบเข้าไปด้วย เช่น คนที่คลิก like โพสต์บนเฟซบุ๊คของเรา จะมีโอกาสซื้อของมากกว่าคนปกติ, ผู้หญิงจะซื้อมากกว่าผู้ชาย, วัยรุ่นจะซื้อมากกว่าวัยทำงาน  ฯลฯ

            จากนั้นจะเริ่มส่งต่อข้อมูลที่วิเคราะห์แบบอัตโนมัตินี้ ไปที่ส่วนของ Marketing Activities ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสื่อ, การจัดการ Social Media, การส่งอีเมล ฯลฯ  แน่นอนครับ  Marketing Activities ก็ต้องถูกดำเนินการแบบอัตโนมัติ  เช่น การซื้อสื่อผ่านระบบการประมูลในที่ต่างๆ  โดยจะต้องมี Cost Per Click ไม่เกิน 5 บาท ถ้าเกินเมื่อไหร่ขอให้หยุดแคมเปญ แล้วโยกงบที่เหลือไปยังช่องทางอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าหรืออาจจะเป็นอีเมลที่ส่ง ถ้าเป็นผู้ชายจะส่งอีเมลแบบหนึ่ง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจะส่งอีเมลอีกแบบหนึ่ง  

            จากนั้นจะเริ่มขั้นตอนของการทำ Follow Up Marketing  โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าที่มีปฎิสัมพันธ์กับ Marketing Activities ของเรา แล้วจัดการ Setup ให้เป็นระบบอัตโนมัติเช่นเดียวกัน เช่น หลังจากคนคลิกมาที่เว็บไซต์แล้วจากโฆษณาเฟซบุ๊คที่เราซื้อ ถ้าคนๆนั้น มีการใช้เวลาบนหน้าเว็บไซต์เกิน 1 นาที แปลว่าคนๆนั้นมีโอกาสที่จะซื้อสินค้าตัวนั้นสูงกว่าปกติ  ให้เราทำการส่ง Email Follow Up ไปที่คนๆนั้นแบบอัตโนมัติ  โดยอาจจะมีการเสนอส่วนลดให้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดขาย

            ที่ร้ายกาจหนักกว่านั้น  ถ้าคนนั้นๆซื้อสินค้าจริงๆ  เราก็จะใช้การวิเคราะห์ฐานข้อมูลแบบอัตโนมัติว่า ถ้าซื้อสินค้าตัวนี้จะมีโอกาสที่จะซื้อสินค้าอีกตัวที่เกี่ยวเนื่องกัน  เช่น ถ้าซื้อโทรศัพท์ไอโฟน ก็มีโอกาสที่จะซื้อเคสไอโฟนต่อได้ ดังนั้นอาจยิงอีเมลเสนอขายเคสไอโฟนต่อไปอีกฉบับ แน่นอนครับ อีเมลก็ถูกส่งแบบอัตโนมัติอีกเช่นกัน!

          พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่า Marketing Automation มันเลิศล้ำขนาดไหน ในอนาคตอันใกล้ นักการตลาดอาจจะไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากเอาเงินใส่ระบบ แล้วกดปุ่ม ปล่อยให้มันทำงานแบบอัตโนมัติทั้งหมด  

            มันช่างสบายเสียจริงว่าแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวเตะฝุ่นตกงานกันเถอะ!