‘Inclusive Growth’ ทางลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นไปได้

‘Inclusive Growth’ ทางลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นไปได้

ในอดีตทุกประเทศในโลกให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับมิติอื่นๆ ไม่มากเท่าที่ควร

แต่เนื่องจากการเติบโตนั้นส่งผลให้เกิดผลกระทบภายนอก (Externalities) ต่อการพัฒนา ทั้งด้านบวกและลบ เช่น คุณภาพของระบบสาธารณสุขอาจจะดีขึ้น แต่สิ่งแวดล้อมอาจจะแย่ลง

เมื่อการเติบโตสูงขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ความกินดีอยู่ดีของประชากรดีขึ้น พร้อมๆ กับผลภายนอกในมิติอื่นๆ ที่เข้าสู่ระดับวิกฤติ แนวทางการพัฒนาจึงหันมาให้ความสนใจกับมิติอื่นๆ มากขึ้น เช่น การเติบโตสีเขียว (Green Growth) ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม หรือการเติบโตที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของแรงงาน

ความเหลื่อมล้ำ” (Inequality) เป็นอีกมิติหนึ่งที่สำคัญมากซึ่งได้รับผลกระทบภายนอกจากการเติบโต แม้ว่างานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มจะชี้ว่าการเติบโตอาจจะทำให้ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นในช่วงแรก แต่ก็จะทำให้ลดลงในช่วงเวลาต่อไป ดังนั้นการที่ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นเมื่อประเทศมุ่งการเติบโตจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ในความเป็นจริงการเติบโตที่สูงขึ้นนั้นทำให้ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นมาเป็นเวลานาน และยังแทบจะไม่มีแนวโน้มลดลง

อย่างไรก็ตาม การรื้อสร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดความเท่าเทียมในสังคมนั้นจึงทำได้ยากมาก เพราะการมีความเหลื่อมล้ำมันหมายความว่าการที่คนในสังคมเป็นเจ้าของทรัพยากรที่แตกต่างกัน และเจ้าของทรัพยากรเหล่านั้นจะทำหน้าที่ขัดขวางการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะพวกเขาไม่ต้องการสูญเสียทรัพยากรหรือสถานะของตนเองไป นี่เป็นเหตุผลเดียวกันกับการปฏิรูปภาษีที่โยกย้ายทรัพยากรจากคนที่รวยกว่าไปยังจนกว่าให้สูงขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในประเทศหนึ่งๆ ทำได้ยากมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้ ธนาคารโลกต้องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมจึงเสนอแนะแนวทางที่มีความเป็นไปได้มากขึ้น นั่นคือ การเติบโตอย่างมีส่วนร่วม” (Inclusive Growth) ซึ่งหมายถึงการเติบโตที่ก่อให้เกิดการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันและสร้างโอกาสอย่างเสมอภาคกันระหว่างคนทุกกลุ่มในสังคมที่ดีขึ้น การสร้างผลประโยชน์ร่วมกันจะรับประกันให้เกิดการกระจายตัวของผลประโยชน์จากการเติบโต และการสร้างโอกาสอย่างเสมอภาคจะรับประกันจุดเริ่มต้นที่เท่าเทียมกัน ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของคนในสังคม และเป็นแนวทางให้คนในสังคมมีความหวังกับอนาคตร่วมกัน

งานวิจัยเรื่อง “การเติบโตอย่างมีส่วนร่วมของไทย” โครงการ “โมเดลใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย (New Development Model)” ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และธนาคารแห่งประเทศไทย ตอบคำถามว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะช่วยสร้างการเติบโตอย่างมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นได้ โดยใช้ข้อมูลรายจังหวัด

พบว่ามีปัจจัยที่สำคัญอยู่ 4 ด้านที่จะช่วยให้การเติบโตของไทยก่อให้เกิดความเท่าเทียมกันมากขึ้น ด้านแรกคือ ภาคการเงิน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อการประกอบการ หรือการลงทุนของคนยากจน เพราะสินเชื่อเป็นการรับประกันทั้งผลประโยชน์และโอกาสที่เกิดจากการลงทุน หากสินเชื่อมีการกระจุกตัวเฉพาะคนรวย การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อาศัยทุนเป็นใหญ่ก็ย่อมกระจุกตัวเฉพาะคนรวยเช่นกัน

ด้านที่สองคือ ภาคแรงงาน โดยเฉพาะประเด็นการทำงานในระบบของแรงงาน กล่าวคือการที่แรงงานต้องมีหลักประกันในการทำงานที่ดี เช่น การเป็นแรงงานในระบบ หรือการเข้าสู่ระบบประกันสังคม เนื่องจากหลักประกันเป็นรูปแบบหนึ่งของการเติบโตที่ดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน ทั้งแรงงานและนายทุน

ด้านที่สามคือ ภาคการพัฒนา ซึ่งเน้นไปที่ความสมดุลของการพัฒนาระหว่างเมืองและชนบท หากการพัฒนามีความแตกต่างกันมาก จะทำให้เกิดการอพยพของแรงงานเข้ามาทำงานในเมือง และเกิดการเอารัดเอาเปรียบ แทนที่แรงงานจะได้ทำการผลิตในภูมิลำเนาของตนเอง และสามารถสร้างรายได้จากความถนัด ความคุ้นชินและทรัพยากรที่มีอยู่ ทำให้แรงงานกลายเป็นปัจจัยการผลิตที่สร้างการเติบโตให้กับนายทุน

ด้านสุดท้ายคือ ภาคการเมือง โดยนโยบายทางการเมืองต้องไม่เป็นลักษณะของการอุดหนุน แม้ว่าการอุดหนุนจะช่วยให้คนจนมีรายได้สูงขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เป็นการแบ่งปันผลประโยชน์ รวมทั้งยังไม่ใช่การสร้างโอกาสให้มีความเสมอภาคมากขึ้นอีกด้วย นโยบายที่ดีจึงควรมีลักษณะเป็นการยกระดับคุณภาพแรงงานและสร้างประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งอาจจะไม่ทันใจในการลดความเหลื่อมล้ำเท่ากับการอุดหนุน แต่จะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการเติบโตในระยะยาว

กล่าวโดยสรุป การเติบโตอย่างมีส่วนร่วมเป็นแนวคิดในการสร้างสังคมแห่งการพัฒนาที่ดีในระยะยาว โดยสังคมสามารถสร้างได้ด้วยการสร้างระบบการเงินที่เปิดโอกาสให้คนจน การมีหลักประกันแรงงานที่ครอบคลุม การพัฒนาเมืองและชนบทที่สมดุล และการเมืองที่หวังผลระยะยาวแม้ว่าการสร้างการมีส่วนร่วมจะทำได้ไม่ง่ายนักในหลายประเทศ แต่ความหวังของการมีการเติบโตเช่นนี้ก็คงไม่ยากเกินไปสำหรับประเทศไทย

 -------------------------

ธานี ชัยวัฒน์, พลอยไพลิน ถิ่นกาญจน์, ก้องภพ วงศ์แก้ว