เมื่อตุรกีสอยเครื่องบินรบรัสเซีย :

เมื่อตุรกีสอยเครื่องบินรบรัสเซีย :

ปูตินคือผู้กำหนดสงครามจะระเบิดหรือไม่

ผมตื่นขึ้นมาเมื่อวาน ตรวจสอบข่าวโลกล่าสุด รู้สึกอุณหภูมิร้อนระอุขึ้นหลายองศาอย่างฉับพลัน ที่ใคร ๆ พูดถึงคำว่า สงครามรอบใหม่ ก็พลันผุดขึ้นมาในความคิดทันที

วันนี้ โลกจะเข้าสู่ภาวะการใช้อาวุธฟาดฟันกัน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและสิทธิของตนหรือไม่อยู่ที่คนชื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ประกาศอย่างเดือดดาลว่าการที่เครื่องบิน F-16 ของตุรกียิงเครื่องบินรบ Su-24 ของรัสเซียตกเหนือน่านฟ้าซีเรียใกล้ ๆ พรมแดนตุรกีนั้นเป็นเรื่อง

แทงข้างหลัง

และเป็นการกระทำของ “ผู้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ก่อการร้าย”

สำทับด้วยประโยคว่าการกระทำเช่นนี้ของตุรกีจะนำมาซึ่ง ผลกระทบอันร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับรัสเซีย

ตุรกีตอบทันควันว่าที่ต้องทำเช่นนั้นเพื่อ ปกป้องอธิปไตยของตนเอง เพราะตุรกีได้เตือนนักบินรัสเซียลำนั้นประมาณ 10 ครั้งว่าอย่าล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกีขณะปฏิบัติการเหนือซีเรีย แต่นักบินรัสเซียลำนั้นไม่สนใจ

รัสเซียยืนยันว่าเครื่องบินรบลำนั้นไม่เคยล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกี

สหรัฐกระโดดมาอยู่ข้างตุรกีอย่างจะแจ้งทันทีเช่นกัน ประธานาธิบดีบารัก โอบามาประกาศว่า ตุรกีมีสิทธิจะปกป้องดินแดนของตนเอง

แปลว่าอเมริกาเห็นว่าตุรกีทำถูกแล้ว รัสเซียซุ่มซ่ามล้ำน่านฟ้าของเขาเอง เตือนแล้วก็ไม่เชื่อ

รัสเซียยันกลับมาว่าเครื่องบินลำนั้นบินอยู่เหนือซีเรีย ซึ่งรัสเซียมีสิทธิทำได้ เพราะมีตกลงกับรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซัด

นายกรัฐมนตรีของตุรกี Ahmet Davutoglu ร้อนใจทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามจากมอสโคว จึงขอเรียกประชุมด่วนสมาชิกองค์การ NATO ที่มีสมาชิก 28 ประเทศซึ่งก็ออกแถลงการณ์สนับสนุนจุดยืนของตุรกี

ปูตินโกรธหนักขึ้นเมื่อตุรกีวิ่งไปซบอกนาโต้ทั้ง ๆ ที่ตนเป็นคนยิงเครื่องบินรบรัสเซียตกเอง

นาโต้ยืนข้างตุรกีอย่างแข็งขัน ยึดในหลักการที่ว่าสมาชิกใดถูกโจมตีให้ถือว่านาโต้ทั้งหมดถูกโจมตี ซึ่งก็หมายถึงการเปิดทางให้เปิดศึกสงครามระหว่างนาโต้กับรัสเซีย

รัสเซียมองนาโต้เป็นคู่แค้นมานานแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียดหนักขึ้นอีกหลายขีด

เพราะเบื้องหลังนาโต้ก็คือ สหรัฐและโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ยังมีเรื่องระหองระแหงกับรัสเซียอย่างน้อยก็ในกรณียูเครน

ยิ่งรายละเอียดของเหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยออกมา ก็ยิ่งสร้างความร้าวฉานระหว่างรัสเซียกับตุรกีหนักหน่วงขึ้น

เพราะหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียที่ถูกส่งไปช่วยชีวิต 2 นักบินรบ Su-24 ที่กระโดดร่มลงมาก็โดนกลุ่มก่อการร้าย Free Syrian Army ยิงระเบิดทั้งลำ และอย่างน้อยหนึ่งในสองนักบินที่ดีดตัวออกมาก็เสียชีวิตด้วยฝีมือของผู้ก่อการร้ายภาคพื้นดินนั่นแหละ

ขณะที่เกิดเรื่องนี้ ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลองด์ แห่งฝรั่งเศส อยู่ที่ทำเนียบขาว นั่งคุยกับโอบามา เพื่อขอความร่วมมือปราบ ISIS ที่เป็นผู้ก่อเหตุร้ายที่ปารีส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน

ออลองด์ เดินสายพบนายกฯ อังกฤษ เดวิด แคมารอน ก่อนจะบินไปวอชิงตัน และจะไปมอสโคว เพื่อพบปูตินในความพยายามจะประสานปฏิบัติการถล่ม ISIS ในซีเรียให้ราบคาบ

เดิมผู้นำฝรั่งเศสคิดว่าจะสามารถทำให้ โอบามากับปูติน จับมือกันในการจัดการกับ ISIS เพราะเป็นศัตรูร่วม แม้อเมริกากับรัสเซียจะยังตกลงกันในประเด็นสำคัญไม่ได้

นั่นคือจะเอาประธานาธิบดีอัสซาด แห่งซีเรียลงหรือไม่ เพราะปูติน เชียร์อัสซาด แต่มะกันยืนยันต้องเอาเขาลงก่อนแล้วจึงจะเดินหน้าปราบไอซิสได้อย่างจริงจัง

พอเกิดเหตุการณ์ตุรกีสอยเครื่องบินรบรัสเซียลงอย่างนี้ ความตึงเครียดก็พุ่งสูงขึ้นทันที โอกาสจะจับมือเพื่อเล่นงานไอซิส พร้อมเพรียงกันอย่างน้อยก็ชั่วคราวจึงสั่นคลอนอย่างหนัก

แทนที่ร่วมรบ ปูตินเห็นตุรกี (ที่มีเงาสหรัฐทับทาบอยู่ชัดเจน) เป็นศัตรูที่ไว้วางใจไม่ได้ เผลอ ๆ อาจจะเป็น แผนลวง ของสหรัฐที่ใช้ตุรกีเป็น นอมินี เพื่อเล่นเกมสองหน้าในกรณีซีเรียและไอซิส

เกมนี้แรงและหนัก เร็วและกระชั้นชิด ใครพลาดนิดเดียว สงครามปะทุได้ทันที

มีเสียงใครบอกว่า ช่วงนี้เป็น Thanksgiving เกิดเรื่องนี้ รัสเซียกำลังอยากกิน “ไก่ตุรกี” มาก ๆ

ตาห้ามกะพริบเป็นอันขาด!