สุชน-สมพงษ์

สุชน-สมพงษ์

อดีตประธานวุฒิสภา และอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย สุชน ชาลีเครือ ยื่นหนังสือลาออก

จากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับหนังสือ เนื่องจาก สุชน ประสงค์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

>>> สุชน ชาลีเครือ เป็นคนบ้านยางเครือ ตำบลหนองโดน อำภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ พี่ชายคือ ครูเจริญ ชาลีเครือ สมรสกับ สุจิตรา ดามาพงษ์ เครือญาติ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ โดย พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ บิดา คุณหญิงพจมาน นั้นมีภูมิลำเนาอยู่ที่ ตำบลหนองโดน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ เช่นเดียวกับ สุชน

>>> ตระกูล ชาลีเครือ เป็นคนตระกูลใหญ่แห่ง ตำบลหนองโดน อำภอจัตุรัส สุชน มีพี่น้อง 9 คน น้องชายลำดับที่ 7 มนตรี ชาลีเครือ เป็นผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ในเครือชินคอร์ป

>>> น้องสาวลำดับที่ 5 ปาริชาติ ชาลีเครือ เมื่อปี 2544 ปาริชาติ เป็นผู้สมัครส.ส.เขต 4 พรรคไทยรักไทย แต่แพ้การเลือกตั้งปี 2548 ปาริชาติ ผันตัวเองมาอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ลำดับที่ 99

>>> ระหว่างเข้าคิวต่อแถวขึ้นเป็น ส.ส. ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่ง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

>>> ชื่อ ปาริชาติ ชาลีเครือ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย โด่งดังอีกครั้ง เมื่อมีการตรวจสอบทุจริตสนามฟุตซอล บริษัท พี อาร์ เอ็น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด ของ ปาริชาติ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสนามฟุตซอล 2 บริษัท และยังโยงกับ บริษัท ที วี เอ็น เทคโนโยลี จำกัด ของ น.ส.ณัฐวรี ชาลีเครือ ญาติของปาริชาติ อีกด้วย คดีทุจริตสนามฟุตซอล อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

>>> สปท.อีกคน สมพงษ์ สระกวี อดีต ส.ว.สงขลา เคยยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทย ช่วงไปลงสมัครส.ว.สงขลา เขาบอกว่า ได้เป็น สปท. เนื่องจากเคยช่วยงานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีต สปช. เป็นประธาน ต่อมาเมื่อคณะกรรมการชุดดังกล่าวยุบไป ทางคณะกรรมการฯ ได้เสนอชื่อเขาและคนอื่น ๆ มาเป็น สปท. เพื่อสานงานต่อเรื่องความปรองดองการเป็น สปท.จึงมาตามโควตาของคณะกรรมการปรองดองฯ ไม่ใช่ในนามพรรคเพื่อไทย หรือ นปช.

>>> สมพงษ์ บอกว่า แม้ไม่เกี่ยวกับเพื่อไทย และนปช. แต่จะเดินหน้าผลักดันเรื่องการนิรโทษกรรม ให้สำเร็จ เพราะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เกิดความปรองดอง จะให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน ไม่เกี่ยวกับแกนนำและคดีทุจริต คดีมาตรา 112

>>> ในส่วนประชาชน ที่ต้องโทษคดีเผาบ้านเผาเมือง ควรอยู่ในข่ายได้รับการนิรโทษกรรมด้วย เพราะที่ผ่านมาเคยมีการนิรโทษกรรม ให้นักศึกษาที่เผาทำลายสถานที่ราชการในเหตุการณ์วันที่ 14 ต.ค. 2516 และ 6 ต.ค.2519 และเหตุการณ์เดือนพฤษภาฯทมิฬ 2535 มาแล้ว

>>> สมพงษ์ ต้องไม่ลืมว่า การเสนอนิรโทษกรรมแบบกลางซอยตอนต้นๆ คนของพรรคเพื่อไทย เสนอนิรโทษกรรมสุดซอย จึงเป็นจุดจบของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วจะรับประกันอย่างไรที่จะไม่มีคนฉวยโอกาสเสนอนิรโทษกรรมสุดซอย ให้เป็นรอยด่างพร้อยของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

...............................

สุทธิรักษ์ อุฒมนตรี [email protected]