น้ำ น้ำ น้ำ....กำลังล้นโลกแล้ว

น้ำ น้ำ น้ำ....กำลังล้นโลกแล้ว

คนไทยที่ไปอลาสก้า ส่วนใหญ่จะหาโอกาสขึ้นเครื่องบินเล็ก เพื่อบินไปบนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ

แล้วนั่งให้สุนัขนับสิบตัว ลากเลื่อน ไปบนพื้นหิมะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับคนที่ไปจากเมืองร้อนอย่างพวกเรา 

เครื่องบินเล็กจุผู้โดยสารได้เพียง 6-7 คน และต้องนั่งตามที่นั่งที่กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของแต่ละคน แต่ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของเครื่องบิน สิ่งที่เห็นก็คือทิวทัศน์อันงดงามเกินกว่าคำบรรยาย ไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม ทะเลสาบสีสดใส ลานหิมะขาวสะอาดและบางจุดออกสีขาวอมฟ้า แอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งกำเนิดของน้ำตก ท้องฟ้าสีครามสดใส บางครั้งมีหมู่เมฆแซมอยู่ประปราย ช่วยแต่งเติมท้องฟ้าสีครามให้มีปุยขาวกระจายเป็นหย่อมๆ.....

บรรยากาศเช่นนั้น สอดรับกับเสียงเพลง “What a Wonderful World” ของศิลปิน หลุยส์ อาร์มสตรอง อย่างที่สุด ศิลปินผิวสีร้องเพลงนี้เมื่อปี ค.ศ. 1967 และแม้เขาจะจากโลกนี้ไปนานถึง 44 ปีแล้ว แต่เพลงของเขาเป็นอมตะ ถ้าคุณคลิกเข้าไปในยูทูป จะพบว่ามีคนคลิกฟังเพลงนี้มากกว่า 81 ล้านคลิกแล้ว ไม่น้อยเลยสำหรับเพลงรุ่นเก่าขนาดนั้น และในจำนวนนั้น เป็นคลิกของผมไม่ต่ำกว่า 40 คลิก รวมอยู่ด้วย

ความจริงไม่ต้องไปถึง อลาสก้า ก็ได้ เพราะไม่ว่าเราจะไปชมทิวทัศน์อันงดงามที่ไหนในโลกใบนี้ รวมทั้งในประเทศไทยของเราเองด้วย ก็จะพบว่ามีอารมณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะโลกนี้ช่างถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างงดงามยิ่งนัก แต่ที่ผมกล่าวถึง อลาสก้า ก็เพราะเป็นสถานที่ซึ่งกำลังเป็นข่าวใหญ่ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ นั่นคือประธานาธิบดี โอบาม่า ได้ไปอลาสก้าเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพราะอลาสก้านั้นแม้จะเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกา แต่ก็อยู่ห่างไกลออกไป และครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่มีประธานาธิบดี “ที่กำลังดำรงตำแหน่งอยู่” ไปเยือน

แต่นั่นเป็นเพียงส่วนประกอบ ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความหมายเป็นพิเศษเท่านั้น ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ประเด็นในการเดินทาง เพราะถ้าผมจะสรุปสั้นๆก็คือโอบาม่า ได้ไปป่าวประกาศให้ผู้นำจากทั่วโลก ที่มาประชุมร่วมกันที่นั่น ได้รับฟังพร้อมๆกันว่าโลกอันงดงามใบนี้ กำลังเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่เราคาดไว้ รวมทั้งอลาสก้าเอง ซึ่งคนทั่วโลกยังเดินทางไปชมความงดงามกันมากมาย แต่อลาสก้าก็กำลังได้รับผลกระทบอันยิ่งใหญ่เป็นแห่งแรกๆในโลกใบนี้ เช่นกัน

“.....ฉันเห็นต้นไม้เขียวชอุ่ม ฉันเห็นกุหลาบสีแดงสด กำลังบานสะพรั่ง ฉันเห็นท้องฟ้าสวยใส ฉันเห็นปุยขาวของหมู่เมฆ ฉันบอกตัวเองว่า โลก... ช่างงดงามอะไรเช่นนี้.....”
นั่นคือภาษา ที่ผมแปลมาจากเนื้อเพลง What a Wonderful World ซึ่ง โอบาม่า ไม่ได้พูดภาษาอย่างนี้ แต่ที่เขาพูดก็คือเรื่องเดียวกัน คือเขากำลังบอกว่าโลกตกอยู่ในอันตราย และ ความงดงามของโลก กำลังเหือดแห้งหายไป อย่างน่าตกใจ ถ้าเป็นภาษาของผม ก็จะพูดว่าในอนาคต เราอาจจะมีสถานที่อย่างนี้ ให้ร้องเพลงนี้อย่างได้อารมณ์ ได้น้อยลงไปทุกวันแล้ว....

โอบาม่า เข้าร่วมการประชุมที่เรียกกันสั้นๆว่า GLAZIER Conference ระหว่างวันที่ 30-31 สิงหาคม และผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศจากหลายชาติทั่วโลก รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นในย่านคาบสมุทรอาร์กติก ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากโลกร้อน ระหว่างอยู่ที่นั่น เขาถือโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมธารน้ำแข็ง (Glazier) ที่มีชื่อว่า “EXIT Glazier” ซึ่งในระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมาธารน้ำแข็งแห่งนี้ได้ละลายหายไปเพราะโลกร้อน และแนวของธารน้ำแข็ง ได้ถอยร่นเข้าไปมากถึง 2.01 กิโลเมตร แล้ว
นอกจากนั้น เมื่อปีที่แล้วเพียงปีเดียว ธารน้ำแข็งแห่งนี้ก็ได้ละลายและถอยร่นเข้าไปอีกถึง 57 เมตร การที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจนเกิดผลเช่นนี้ จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะธารน้ำแข็งกำลังละลายในอัตราที่รวดเร็วมาก และทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ทั่วทุกแห่งหน

แล้วใครทำให้เป็นเช่นนี้ คำตอบก็คือมนุษย์นั่นแหละ ที่ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและเกิดผลกระทบหลากหลาย โอบาม่าประกาศว่าเพียงค่าธารน้ำแข็งในรัฐอลาสก้าแห่งเดียวเท่านั้น ก็ละลายมากถึงปีละ 75 กิกะตัน หรือ ละลายกลายเป็นน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นถึงปีละ 75,000 ล้านตัน แล้ว!

เราไม่จำเป็นจะต้องเชื่อโอบาม่าก็ได้ แต่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมเองด้วย น่าจะเชื่อองค์การแห่งหนึ่งได้อย่างสนิทใจ เพราะเป็นองค์การที่มีความสามารถขนาดส่งยานอวกาศเดินทางไปถ่ายภาพดาวเคราะห์พลูโต ในระยะใกล้ชิดได้อย่างชัดเจนเมื่อเร็วๆนี้ และยังประกาศว่าได้ค้นพบดาวอีกดวงหนึ่ง ชื่อ Keplor 452b ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับดาวแฝดของโลก แต่อยู่ไกลออกไปถึง 500 ปีแสง (มีผู้คำนวณว่า ระยะขนาดนี้ ยานอวกาศจะต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 8.8 ล้านปี!)

ใช่แล้วครับ ผมหมายถึง องค์การนาซ่า ซึ่งเต็มไปด้วยสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ นาซ่าได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง ว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 น้ำทะเลทั่วโลกได้สูงขึ้นแล้วโดยเฉลี่ย 8 เซนติเมตร และบางแห่งสูงขึ้นถึง 25 เซนติเมตร นอกจากนั้นยังระบุว่า “ด้วยสภาวะที่ยังเป็นอยู่เช่นนี้ น้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นอีก 3 ฟุตเป็นอย่างน้อย หรืออาจจะมากกว่านั้น เพียงแต่เรายังไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นศตวรรษนี้ หรืออาจจะเลยไปกว่านั้นอีกเล็กน้อย”

ผมรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ที่นาซ่า นอกจากจะใช้ความเก่งกาจ ทะลุทะลวงไปสู่ อวกาศไกลแสนไกล แล้ว วันนี้ นาซ่า ได้กลับมาใช้ความเก่งกาจนั้น สำรวจว่า เจ้าโลกใบน้อย ที่มนุษย์มากกว่า 7 พันล้านคนอาศัยอยู่นี้ กำลังตกอยู่ในสภาพเช่นใด และน่าห่วงเพียงใด และก็ได้แต่หวังว่า หลังจากการประชุมที่อลาสก้าสิ้นสุดลง เราจะมีความหวังมากกว่านี้

ส่วน หลุยส์ อาร์มสตรองก์ นั้น เขาได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว ตั้งแต่โลกยังคงความงดงาม ตามถ้อยคำและท่วงทำนองที่เขาขับร้อง วันนี้เขาไม่เดือดร้อนอะไรแล้ว และ คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ แม้จะทราบข้อมูลอันน่าตกใจ ก็อาจจะไม่กังวลมากนัก เพราะคิดสะระตะแล้ว ยังไงก็อยู่ไม่ถึงวันนั้นอย่างแน่นอน แต่เจ้าตัวน้อยที่เพิ่งลืมตามาดูโลกในวันนี้เดือนนี้สิครับ คนที่คุณกำลังอุ้มเขาอยู่ในอ้อมอกนั่นแหละ เขามีโอกาสสูงมากที่จะได้เผชิญกับวันนั้น วันที่เพลง What a Wonderful World อาจจะไม่มีใครได้ยินอีกต่อไป....ถ้าหากเราไม่ทำอะไรกันในวันนี้......

ผู้นำและนักการเมืองผู้มีอำนาจทั้งหลาย ที่ไปประชุมที่อลาสก้า จะต้องแสวงหาทิศทางและข้อตกลงกันอย่างจริงจัง และรีบทำเป็น “วาระแห่งโลก” เพราะภัยพิบัติที่กำลังคืบคลานมาอย่างรวดเร็วนี้ จะกระทบคนทั้งโลกอย่างชัดเจน ส่วนเราทั้งหลายในฐานะนักธุรกิจและประชาชน ก็จะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อช่วยกันรักษาโลกใบนี้ไว้ ให้ยังคงเหลือความงดงาม เพื่อให้ลูกหลานได้เห็นได้ชมและได้ใช้ ต่อไป

อ่านจบแล้วใช่ไหมครับ เริ่มกังวลบ้างแล้วใช่ไหมครับ....แล้วยังจะนั่งเฉยอยู่ไย เอื้อมมือไปปิดไฟสักดวงสิครับ