หลักคิดในการทำงานของอเมซอน

หลักคิดในการทำงานของอเมซอน

ใครที่ใช้อินเทอร์เน็ตในวันนี้ มีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเว็บอเมซอน

ซึ่งเป็นตำนานของการค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ต เริ่มจากใครๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเลือกซื้อหนังสือจากอเมซอนได้ ตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของอเมซอนทำให้มีเว็บหลายเว็บที่ค้าขายเลียนแบบอเมซอน แต่วันนี้ล้มหายตายจากไปเยอะแยะ ต้นตำรับคืออเมซอนยังอยู่ดีจนตราบเท่าทุกวันนี้ กล่าวกันว่า อเมซอนยั่งยืนอยู่ได้ เพราะมีหลักคิดในการทำงานที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ถ้าอยากยั่งยืนได้เหมือนอเมซอน น่าจะลองนำหลักคิดในการทำงานของอเมซอน มาดัดแปลงใช้ในการทำงานของเรากันดูบ้าง

หลักคิดในการทำงานของอเมซอน มีการเผยแพร่ในหน้าเว็บหางานของอเมซอน โดยกล่าวไว้ว่า เป็นหลักคิดที่ทุกคนที่กำลังทำงานอยู่กับอเมซอน ใช้ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน อเมซอนเรียกชื่อให้น่าประทับใจว่า Leadership Principle โดยหลักคิดบอกว่า ให้เริ่มต้นจากต้องมีความใส่ใจอย่างจริงจัง กับลูกค้าหรือคนที่เราทำงานให้ จะคิดอะไรใหม่ก็ให้เริ่มต้นจากดูว่า คนที่เราทำงานให้นั้นอยากได้อะไร ไม่ใช่เริ่มต้นจากการมองคู่แข่งว่า กำลังทำอะไรอยู่ อะไรที่ไม่มั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังจริงๆ อะไรที่ไม่มั่นใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า ว่าลูกค้าอยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็อย่าเพิ่งเร่งรัดรีบทำ 

ต้องทำงานโดยไม่มีคำว่าธุระไม่ใช่อยู่ในใจ หลีกเลี่ยงการทำงานแบบปัดปัญหาให้พ้นหน้าไปในแต่ละวัน อย่ายอมเสี่ยงต่อความเสียหายใดๆ ในวันหน้า ด้วยการแก้ปัญหาแบบขอไปทีในวันนี้ อย่าแลกความง่ายในวันนี้ ด้วยความยากเย็นที่อาจเกิดขึ้นในวันหน้า

ต้องคิดก่อนทำ และคิดให้ใหญ่ไว้ก่อน แต่ยึดมั่นในการลงมือทำมากกว่าการคิด คิดแล้วลงมือทำโดยเร็ว เพราะทำแล้วผิดสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ มัวแต่คิดแล้วไม่ทำ งานไม่มีวันเกิดขึ้นได้ อเมซอนสนับสนุนให้พนักงานเสี่ยงลงมือทำได้ แต่ต้องเสี่ยงอย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช่เสี่ยงทำไปอย่างมั่วๆ ให้เสี่ยงทำอย่างชาญฉลาด

ลงมือทำโดยมุ่งมั่นคุณภาพ และไม่ละเลยคุณภาพเพื่อแลกเปลี่ยนกับเวลาที่เสร็จงานเร็วขึ้น พร้อมๆ  กับหาทางทำงานให้สำเร็จ โดยใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้น้อยลง โดยคุณภาพยังเท่าเดิมหรือดีขึ้น งานเดิมจึงกลายเป็นงานใหม่ได้เสมอ ทุกงานคือการเรียนรู้ คือต้องใส่ใจเฝ้าดูบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม ค้นหาความจริงจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างเป็นกิจวัตร รู้ตัวเสมอว่ามีอะไรในการทำงานวันนี้ที่แตกต่างไปจากวันวานบ้าง อย่าติดกับดักแห่งความต่อเนื่อง คือทำตามเดิมไปทุกวัน จนกลายเป็นทำได้โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องสังเกตอะไรกันอีกแล้ว แต่ให้ทุ่มเททำงานอย่างถึงลูกถึงคน โดยลงรายละเอียดที่จำเป็น ลงลึกถึงระดับทำได้ ไม่ใช่ลึกแค่คุยได้ ลงลึกในรายละเอียดเพื่อหาหนทางที่จะทำให้ได้คุณภาพเท่าเดิม แต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง หรือทำได้เร็วขึ้น

เวลาจะบอกว่า ทำใหม่แล้วดีขึ้นกว่าเดิมก็ไม่ใช้ความรู้สึก และอารมณ์เป็นเครื่องตัดสิน แต่ใช้ข้อมูลเป็นหลักฐานบ่งบอกว่าดีขึ้นจริงหรือไม่ ใช้ข้อมูลบ่งบอกการปรับปรุงที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ ไม่เลือกเฉพาะข้อมูลที่ตรงกับที่คิดเอาไว้ เหมือนคนส่องกระจกดูหน้าตัวเองอยู่เพียงด้านเดียว คือดูแต่ด้านที่ดูหล่อดูสวย ด้านที่บ่งบอกความจริงว่าไม่หล่อไม่สวยไม่ยอมดู

พร้อมเสมอที่จะรับฟังหนทางทำงานใหม่ ที่คนอื่นเชื่อว่ามีผลดีในการทำงาน มากกว่าวิธีการที่เราชอบเราคุ้นเคย ฟังไปวิเคราะห์ไป ไม่ใช่ฟังด้วยหูแต่ค้านในใจ ซึ่งทำให้ไม่มีวันได้หนทางทำงานใหม่ๆ ที่มาจากความคิดของคนอื่น ถ้าอยากให้งานก้าวไกลอย่างยั่งยืน ต้องเปิดใจรับวิธีการใหม่ๆ ที่หลั่งไหลมาใกล้ตัว คนคิดวิธีนั้นเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือหากนำวิธีการของเขามาใช้แล้วการงานของเราต้องดีขึ้น ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง คือทบทวนว่าถกเถียงกับตนเองอยู่เสมอว่า ที่เราทำอยู่ในวันนี้นั้น มีอะไรขาดตกบกพร่องไปบ้าง จะทำให้ง่ายกว่าเดิมขึ้นอีกได้หรือไม่ ทบทวนและท้าทายความเชื่อ ความคิดดั่งเดิมเป็นระยะๆ พร้อมกับเปิดหูเปิดตารับความคิดตลอดจนวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่คนอื่นคิดไว้ เพื่อหาทางดัดแปลงมาใช้กับงานที่ทำอยู่ โดยต้องไม่ตั้งแง่ไว้ก่อนว่า อะไรที่ฉันไม่ได้คิด ฉันจะไม่ทำ ฉันจะทำเฉพาะที่ฉันคิด

ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำงานตามหลักคิดในการทำงานของอเมซอน เพียงแค่เริ่มงานด้วยการมีเป้าหมายที่ชัดเจน และเป็นเป้าหมายที่เป็นไปตามความต้องการของคนที่เรากำลังทำงานให้ หรือลูกค้า จะรับทราบความต้องการที่แท้จริงได้ ก็ต้องใส่ใจลูกค้าอย่างจริงจัง ทำงานไปโดยไม่มีอาการธุระไม่ใช่ ใส่ใจเสมอว่าอะไรบ้างที่ยังเป็นปัญหาแล้วเสี่ยงลงมืออย่างมีตรรกะ มีเหตุมีผลในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยทบทวนวิธีการดั่งเดิมเสมอๆ วันดีคืนดีจะได้พบเห็นวิธีใหม่ที่เร็วเท่าเดิม แต่ใช้สรรพสิ่งน้อยลง ที่สำคัญคือไม่เกี่ยงแค่ว่า ฉันไม่ได้คิด ก็ผิดเสียแล้วสำหรับฉัน