พยุงเอสเอ็มอี พยุงเศรษฐกิจ

พยุงเอสเอ็มอี พยุงเศรษฐกิจ

สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังซึมๆ ในขณะนี้ ทั้งการส่งออกที่หดตัวกว่าที่คาด การบริโภคที่ถูกกดด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือน

และรายได้ภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าและภัยแล้ง ทำให้แต่ละธุรกิจมียอดขายตกวูบกันถ้วนหน้า เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ที่เวลานี้หลายธนาคารต่างพอใจที่จะพูดว่าเชื่อว่าทั้งปีนี้การเติบโตสินเชื่อจะอยู่ในระดับทรงตัวจากปีก่อน (ไม่ติดลบไปก็ดีหนักหนาแล้ว)

ปกติแล้วการเติบโตของสินเชื่อในแต่ละปี ธนาคารพาณิชย์จะอ้างอิงการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี โดยจะสูงกว่าจีดีพี 1-1.5 เท่า แต่ในครึ่งปีแรกสินเชื่อทั้งระบบเติบโตเพียง 0.89% เท่านั้น ขณะที่หนี้เสียหรือที่เรียกว่าเอ็นพีแอล ต่อสินเชื่อรวมยังคงเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า เอ็นพีแอลทั้งระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นมิ.ย. อยู่ที่ระดับ 2.38% เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.16%ในสิ้นปี 2557

จากการรายงานข้อมูลเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ โดยภาพรวมแล้วพบว่าส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเอสเอ็มอี แม้ว่าที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ต่างออกมาตรการมาผ่อนปรนให้ลูกหนี้กลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเห็นว่าเอ็นพีแอลยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการพักชำระเงินต้น หรือลดดอกเบี้ย ที่ช่วงแรกอาจจะแค่ 3 เดือน แต่ในขณะนี้หลายแห่งยืดเวลาออกไปเป็น 12 เดือนแล้ว เพราะหวังว่าจะยืดลมหายใจของเอสเอ็มอีให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปจนกว่าฟ้าใหม่ที่สดใสจะกลับมา

เป็นเรื่องแปลกที่ทุกคนบอกว่าเอสเอ็มอี น่าเป็นห่วงสุด เพราะสายป่านสั้น แต่เศรษฐกิจที่ซึม ๆ แบบนี้ก็ผ่านมานานถึง 2 ปีแล้ว แต่เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเอสเอ็มอีหลายรายทะยอยตบเดินเท้าเข้าคิวขอเข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารเจ้าหนี้โดยดี

และเท่าที่ฟังจากคำบอกกล่าวของนายแบงก์ พบว่ายังมีลูกหนี้บางส่วนที่มีความเป็นเจ้าของสูง ไม่ยอมที่จะเข้ากระบวนการรับความช่วยเหลือจากธนาคาร ทั้งที่การเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้ทำให้ธุรกิจต้องเสียเครดิตไปแม้แต่น้อย เพราะไม่ได้ถูกจัดชั้นให้เป็นเอ็นพีแอลแต่อย่างใด และพยายามหมุนเงินมาจ่ายหนี้คืนแบงก์จนได้ในที่สุด ไม่น่าแปลกที่จะได้ยินคำชื่นชมอยู่หลายครั้งว่าผู้ประกอบการไทยแข็งแกร่ง

แต่จะปล่อยผู้ประกอบการตัวเล็ก ๆ ต่อสู้เพียงลำพังคงใช่ที่ ถึงเวลาภาครัฐควรออกมาตรการเร่งด่วนที่จะเข้ามาสนับสนุนเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง เพราะเอสเอ็มอีถือเป็นรากฐานเศรษฐกิจไทย หากปล่อยให้เอ็นพีแอลจากเอสเอ็มอีทะยอยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแล้ว แม้จะไม่รุนแรงเหมือนวิกฤติ 2540 แต่จะกระจายวงกว้างและทำให้เศรษฐกิจซึมลึกยาวนาน หากรัฐมีมาตรการในระยะสั้นและระยะยาวได้ เชื่อว่าจะสร้างความมั่นคงระยะยาวให้ธุรกิจและเศรษฐกิจไทยได้