เมื่อคนในไม่อยากออก..
เอาเป็นว่าจากนี้ไปคงไม่นานเกินรอ เราคงจะเห็นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เกิดขึ้นในไม่ช้า
เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาบอกชัดเจนแล้วว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เมื่อรัฐบาลทำงานครบ 1 ปี ส่วนวัน เวลา ที่เหมาะสมจะพิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้การทำงานระยะต่อไปเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ปรับเพราะ“มีความผิด”การทำงานขณะนี้ ดำเนินการด้วยหลักการและวิธีการตามขั้นตอน แบบไม่เคยมีมาก่อน สังคมอาจจะไม่ทันใจ
ที่สำคัญการปรับคณะรัฐมนตรีรอบนี้ จะไม่มีคนจากกลุ่มการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามา ประเด็นนี้เป็นเรื่องน่าคิดมาก ว่าในความหมายมันคืออะไร คนแบบไหนเรียกว่าการเมือง คนแบบไหนที่ไม่เรียกว่าการเมือง
ฟังนายกฯประยุทธ์ให้สัมภาษณ์แล้ว เชื่อเหลือเกินว่ามีการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้น100% ส่วนจะช้าหรือเร็วว่ากันไป
สิ่งที่น่าจับตามองการปรับคณะรัฐมนตรี นายกฯ ประยุทธ์ พูดชัดเจนว่าไม่ได้ปรับเฉพาะทีมเศรษฐกิจ แต่เสียงที่ออกมาจากปากนายกฯประยุทธ์ชัดเจน
“ปรับทั้งทีมนั่นแหละ ผมจะดูของผมเอง ทำไมต้องเน้นเฉพาะเศรษฐกิจอย่างเดียว” ที่น่าสนใจยิ่งนายกประยุทธ์บอกว่า การปรับคณะรัฐมนตรีต้องปรับเปลี่ยนหมุนเวียน ดูทุกเหตุผลทั้งสุขภาพ อายุ
ชัดเจนอย่างนี้แล้ว ยังมีรัฐมนตรีคนไหนยังกล้าที่ออกมาตะแบง หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองอีกหรือ สิ่งที่แปลกประหลาดและเกิดขึ้นช่วงนี้คงหนักไปทาง“ข่าวลือ ข่าวปล่อย” เดี๋ยวคนนั้นเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เดี๋ยวคนนี้ถูกปรับออก ฉะนั้นเราจะเห็นการสร้างข่าวในลักษณะอย่างนี้ จะมีอยู่ร่ำไปจนกว่าจะประกาศชื่อออกมาอย่างเป็นทางการ
ดังนั้นสิ่งที่น่าคิดเวลานี้ การที่นายกฯประยุทธ์ ย้ำชัดทำนองจะไม่มีคนจากกลุ่มการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามาร่วมรัฐบาล ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่หยุดยั้งพวกชอบสร้างกระแสได้ระดับหนึ่ง
เชื่อเถอะ..เมื่อถึงเวลาจริงๆ บุคคลที่จะเข้ามารอบนี้คงหนีไม่พ้นผู้ที่เคยผ่านสนามการเมืองมา ส่วนจะผ่านมาแล้ว ว่างเว้นกี่ปี ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
แต่ที่แน่ๆ เวลานี้ดูเหมือนสภาพรัฐมนตรีที่เป็นอยู่จะอยู่ในลักษณะ “คนในไม่อยากออก...คนนอกอยากเข้าเสียมากกว่า”
จริงๆจะปรับเล็กปรับใหญ่ จะเอาคนแบบไหนเข้ามาร่วมรัฐบาลวันนี้คงต้องอยู่ที่นายกฯประยุทธ์เท่านั้น ที่จะใช้โอกาสนี้เคาะหาผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาร่วมทำงานเพื่อประเทศชาติ อย่างน้อยน่าจะหาผู้ที่รู้จริงๆ เข้ามาร่วมรัฐบาล
วันนี้ทุกคนก็เห็นแล้วประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ปัญหาในประเทศต่างประเทศก็มีให้เห็นแล้ว ฉะนั้นหากจะเชื้อเชิญใครเข้าร่วมก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดี
การปรับคณะรัฐมนตรีรอบนี้น่าจะทำให้นายกฯ ประยุทธ์ “สบายใจขึ้น อาจจะหมดยุคเด็กเส้น เด็กฝาก”
ดังนั้นการที่จะหยิบใครเข้าร่วมรัฐบาลรอบนี้จึงเป็นโอกาสอันดี มีคนจำนวนไม่น้อยมักออกตัวแรง ทำนองไม่อยากร่วมรัฐบาลชุดนี้ เกรงจะเป็นภัยเมื่อมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กลัวจะถูก “ตราหน้า” ทำนองเข้าร่วมกับรัฐบาลทหารที่มาจากการปฏิวัติ ขอบอกไว้เลยคนที่ออกตัวอย่างนี้ เข้าข่ายประเภทพวก “ลับลวงพลาง” ประเภทที่อยากเข้าใจจะขาด แต่ยังไม่ได้รับเชิญ หรือไม่ก็พยายามออกตัวเสียก่อนกลัวเป็นข่าว
ฉะนั้นให้อดใจรอ เชื่อเหลือเกินไม่กี่สัปดาห์เราจะได้เห็นโฉมหน้า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เกิดขึ้น ส่วนหน้าตาจะเป็นอย่างไรต้องรอพิสูจน์ฝีมือนายกฯประยุทธ์ ก็แล้วกัน เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะได้เห็นอีกครั้งว่าประเทศจะเดินหน้าไปอย่างไร ท่ามกลางปัญหาที่รุมเร้าอยู่เวลานี้
ระหว่างนี้ผู้คนอาจจะต้องเสพข่าวปล่อย ข่าวลือกันไป ใครตีกันใคร ใครเลื่อยขาเก้าอี้ใคร ก็จะเกิดขึ้นเป็นระลอกๆ เรียกว่ามีอาการ“เขย่าขวัญ”เกิดขึ้นให้เห็นอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นของจริง ส่วนที่ประชาชนจะผิดหวังหรือสมหวังอย่างไรต้องอดใจรอ