เรื่องบังเอิญหรือเรื่องที่ไม่ได้คิดมาก่อน

เรื่องบังเอิญหรือเรื่องที่ไม่ได้คิดมาก่อน

เมื่อมีเหตุการณ์อื่นที่นอกเหนือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำเกิดขึ้นมา บางคนจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก

แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว บางคนบอกว่านึกแล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ตรงตามตำราที่บอกไว้ว่าจะหาข้อสรุปได้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่นั้น ท่านให้วินิจฉัยเป็นสามแนวทางคือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากแค่ไหน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือไม่ หรือเป็นเรื่องที่เป็นผลจากเรื่องอื่นใดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ แต่ที่น่าสนใจคือพฤติกรรมของคนสองกลุ่มนี้ในการรับมือกับเหตุการณ์ที่แปลกไปจากปกติจะเป็นอย่างไร ใครต้องคบค้าอยู่กับคนกลุ่มไหนจะได้เตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมกับคนกลุ่มนั้น


กลุ่มที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นกลุ่มที่บอกว่านึกแล้วว่าเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าว่ากันโดยละเอียดลงไปอีกต้องบอกว่า คนกลุ่มนี้ยังแบ่งออกได้เป็นสองพวก พวกหนึ่งมโนไปว่าตนเองรู้สิ่งบอกเหตุมาล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา โดยเอาเรื่องนั้นมาผสมเรื่องนี้ให้กลายเป็นคำอธิบายว่าเหตุการณ์แปลกๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร คล้ายๆ กับที่คนใบ้หวยคิดสูตรคำนวณจากผลการออกสลากกินแบ่งงวดก่อนหน้านั้นมาอวดว่าฉันรู้ล่วงหน้าว่าหวยจะออกอะไร ซึ่งเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นกับคนที่คิดว่าตนเองรอบรู้ โดยเฉพาะผู้บริหารที่คิดว่าตนเองมีอำนาจมากๆ


ดังนั้น จึงไม่มีการเรียนรู้ใดๆ เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แปลกใหม่นั้น คนกลุ่มนี้จะพยายามคิดสูตรที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อดั้งเดิมของตนมาอธิบายว่าเรื่องแปลกนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องที่ตนเองคาดเดาได้อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าทำงานกับผู้บริหารที่เป็นคนกลุ่มนี้ต้องระวังตัวมากๆ กับเหตุการณ์แปลกๆ เพราะคนกลุ่มนี้จะหาแพะมารองรับสูตรที่พวกเขาใช้อธิบายว่าเรื่องแปลกนั้นเกิดขึ้นจากความบกพร่องในหน้าที่การงานของแพะตัวไหน ท่านรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่ลูกน้องบกพร่องไม่ทำหน้าที่ให้ดีเพียงพอ วันใดมีเรื่องแปลกใหม่เกิดขึ้นก็ให้รีบรวบรวมการงานที่ทำแล้วไว้มาคอยใช้แก้ต่างให้รอดจากการเป็นแพะได้เลย ให้ท่านรีบค้นหาคำสั่งงานที่ได้รับมาก่อนหน้านั้นมารวมไว้ เพื่อแสดงว่าไม่เคยมีคำสั่งการใดๆ ในการเตรียมรับมือเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นนั้น หัวหน้ารู้แล้วแต่หัวหน้าก็ได้ไม่สั่งการ ปัญหาจึงกลับไปอยู่ที่ตัวหัวหน้าเอง


อีกพวกหนึ่งทำงานด้วยง่ายกว่า เพราะพวกนี้แม้จะบ่นในทำนองว่าคาดไว้แล้วว่าจะมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น แต่พวกนี้ไม่ปะติดปะต่อสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นมาโยงให้ดูเหมือนว่ารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น พวกนี้จะย้อนเวลาไปดูว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นบ้าง แล้วพยายามหาว่าเรื่องใดที่มีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นโดยเป็นผลจากเรื่องนั้นจริงๆ มีข้อมูลยืนยัน มีหลักฐานชัดเจน มีกระบวนการยืนยันทางสถิติที่เป็นรูปธรรม คนพวกนี้มักพยายามเรียนรู้จากเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นนั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากก็ตาม ดังนั้นถ้าต้องทำงานกับผู้บริหารที่จัดได้ว่าเป็นพวกนี้ ก็ต้องทำตัวเป็นนักรวบรวมข้อมูลที่ดี เก็บข้อมูลการทำงานไว้เยอะๆ เพราะถ้าท่านผู้บริหารอยากย้อนเวลาดูว่ามีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นมาก่อนเหตุการณ์แปลกๆ นั้น หลักฐานที่ดีที่สุดคือข้อมูลจากการทำงานของเรา ถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้คงเดือดร้อนไม่มากก็น้อยกับท่านผู้บริหารพวกนี้ นอกจากนั้นยังต้องมีความรู้เรื่องสถิติดีในระดับหนึ่งเพื่อจะได้วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ไม่เผลอไปเสนอข้อมูลที่ไม่มีนัยสำคัญไปให้ผู้บริหาร ซึ่งการทำงานกับผู้บริหารพวกนี้ใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์อย่างมาก และต้องรอบคอบกับวิธีทำงานพอสมควรทีเดียว โชคดีหน่อยหนึ่งที่มีผู้บริหารพวกนี้ให้พบเห็นไม่มากนัก


กลุ่มที่เมื่อพบเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นแล้วชอบบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก หรือไม่ก็บอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มักเป็นคนที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องข้อมูลสถิติอะไรมากนัก มักเป็นคนที่ตั้งตนเองเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่ง ภูมิใจในฝีมือบริหารของตนเองอย่างมาก ทำงานมากี่ปีก็ยกข้ออ้างเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายอยู่เรื่อย หากทำงานกับผู้บริหารที่อยู่ในกลุ่มนี้และอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานก็ให้ยึดหลักการถูกครับท่าน ดีครับนายไว้เยอะๆ พร้อมทั้งพัฒนาทักษะด้านความน่าจะเป็นมาไว้ช่วยสนับสนุนท่านผู้บริหารที่นิยมการใช้โอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยมากมาเป็นข้ออ้างในความบกพร่องในการบริหารของตนเองโยนเหรียญหัวก้อยสิบเหรียญหนึ่งครั้ง มีโอกาสที่จะออกหัวทั้งสิบเหรียญได้เพียงแค่จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แต่ถ้าโยนสิบเหรียญหนึ่งพันครั้ง โอกาสที่จะออกหัวทั้งหมดอย่างน้อยหนึ่งครั้งจะเพิ่มขึ้นเป็นหกสิบเปอร์เซ็นต์ถ้าโยนมากกว่าหนึ่งหมื่นครั้ง เกือบจะแน่นอนว่าต้องออกหัวทั้งหมดอย่างน้อยหนึ่งครั้งหมายความว่ายิ่งทำงานนานเท่าใด ยิ่งไม่ควรจะอ้างเรื่องที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้น้อยลงมาเป็นข้อแก้ตัวในการรับมือเหตุการณ์นั้น จึงเป็นหน้าที่ของลูกน้องที่ต้องใส่ความคิดที่จะตั้งรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ไว้ในหัวของหัวหน้า โดยเฉพาะเมื่อเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจะเสียหายมากๆ


เหตุการณ์แปลกใหม่นั้นเกิดขึ้นได้เสมอในโลกที่มีพลวัตสูงเช่นในปัจจุบัน จึงขึ้นกับตัวเราว่าจะเลือกเรียนรู้ หรือจะเลือกอวดดีกับเหตุการณ์นั้นๆ หากเลือกที่จะเรียนรู้อาจเสียหน้าบ้าง เลือกอวดดีได้หน้าแต่เสียองค์กร