ท่องเที่ยวไทย ไม่ใช่อะไรก็ได้

ท่องเที่ยวไทย ไม่ใช่อะไรก็ได้

ในยามที่เม็ดเงินรายได้เข้าสู่ประเทศจากด้านต่างๆ ร่อยหรอ ความหวังอันแช่มชื่นประการหนึ่งของรัฐก็คือรายได้จากการท่องเที่ยว

คิดง่ายๆ ว่าเมืองไทยมีต้นทุนด้านนี้ที่ดีอยู่แล้ว ตกแต่งเหมาะควรอีกนิดก็ไปได้สวย ทั้งต่างชาติทั้งไทยคงนำเงินตราเข้าประเทศตรงแล้วพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำได้แบบที่ญี่ปุ่นกำลังทำ แต่เมื่อพิจารณากันจริงๆ เรากับญี่ปุ่นมีอะไรแตกต่างกันหลายอย่าง และเราต้องแก้ไขปัญหาอีกมากกว่าจะบรรลุผล


ประการแรก ที่ไทยพยายามสร้างจุดขายใหม่ของการท่องเที่ยวแบบที่ญี่ปุ่นทำ คือ เปิดที่เที่ยวใหม่ให้ชาวต่างชาติแทบทั้งประเทศแบบไม่มีกั๊ก ไม่เอาแต่เมืองใหญ่ๆ ญี่ปุ่นเพิ่มบูธในงานออกร้านท่องเที่ยวไทยในแต่ละปีมากขึ้นจนเป็นร้อยบูธในแต่ละอีเว้นท์ ออกงานกันทุกภาคทุกจังหวัด ระดับโฮเต็ลร้านอาหารก็มาออก ขณะที่ไทยก็โหมโรงโฆษณาที่เที่ยวที่เคยสงบเงียบอย่างลำปาง น่าน เลย ให้ชาวต่างชาติลองเข้ามาสัมผัส คำถามคือท้องถิ่นรับไหวกับการเปลี่ยนแปลงที่ต่อไปอาจพลิกชีวิตพวกเขาไปตลอดกาลหรือยัง หากคนต่างถิ่นชอบเมืองเล็กๆ น่ารักอย่างนี้มาก แห่กันเข้ามา อาชีพที่สนองการท่องเที่ยวจะเข้ามายึดครองพื้นที่ทดแทนวิถีชาวบ้าน แบบที่ปายหรือสวนผึ้งกำลังเป็น นักธุรกิจก็จะมาพัฒนาที่ดิน คนท้องถิ่นถ้าไม่อยู่แบบอึดอัดหรือย้ายออกก็อาจปรับตัวเข้ากับการท่องเที่ยว เช่น ขายของที่ระลึกในตลาดคนเดิน ปัญหาอื่นๆ เช่น ขยะ อาชญากรรมหรือวิถีแบบเมืองนั้น รัฐมีแผนเรียบร้อยเหมือนญี่ปุ่นหรือไม่ ถ้าไม่ เราจะได้เมืองใหม่ที่มีกลิ่นอายจำลองวิถีเดิมฉาบหน้าแต่ไส้ในเป็นทุนนิยมเต็มตัว


ประการต่อมา คือจะจัดการกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มีความเข้าใจในท้องถิ่นต่างออกไปนั้นได้ดีเพียงไร มีทั้งต้องแก้ทัศนคติที่เกิดจากคนทำงานด้านบริการเอง เช่น เข้าใจว่าชาวต่างชาติชอบบันเทิงชอบผู้หญิง พอเขาลงสนามบินปุ๊บก็บริการพาไปซ่องปั๊บ หรือคิดว่าฝรั่งต้องชอบสบายรักเสียงเพลงสไตล์ตะวันตกจึงเปิดร้านกาแฟ ผับคาเฟ่กันยกใหญ่ อย่างนี้มันไม่ใช่แล้ว การสปอยกันแบบนี้ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวคิดว่าเมืองไทยนี่เสรีจริงว๊อยย์ อะไรที่ผิดกฎหมายในบ้านเขานั้นไม่ผิดในบ้านเมืองนี้ พวกเขาจะกล้าทำสิ่งที่เก็บกดไว้ แล้วคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอาจต้องรับผลกระทบกับปัญหานั้น บางทีถึงชีวิต เช่น การขับรถทะลุจากคุนหมิงลงมาเชียงใหม่โดยไม่แคร์ระเบียบจราจร นึกจะแซงซ้ายก็ทำ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมานักต่อนัก


การสกรีนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นทางนั้นเป็นเรื่องที่มักต้องทำ แต่ไทยพยายามลดหย่อนเรื่องนี้ไปเพราะเราต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติมากจริงๆ แต่การปล่อย Visa on Arrival ให้ชาติที่มีประชากรเป็นพันล้านอย่างจีนและอินเดียนั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้านลบของการแห่เข้ามาของคนเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่ให้คนไทยหยวนๆ กันไป เพราะพฤติกรรมบางอย่างกระทบตรงต่อผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง บางทีไม่ใช่แค่การไม่เคารพสิทธิต่อคิวหรือเข้าส้วมไม่ราดน้ำ แต่เป็นการจะเอาให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ เรื่องที่ดูเหมือนเล็กอาจถูกบ่มเพาะจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ การป้องปรามเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เป็นเรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เช่น ให้มีการอบรมนักท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์แหล่งเที่ยว การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังตั้งแต่ด่านหน้า ต.ม.ไปจนถึงการเดินทางภายในประเทศ การกำกับดูแลเรื่องมัคคุเทศก์อย่างจริงจัง ประเภทให้ไกด์ไทยเป็นแค่ตุ๊กตาหน้ารถแล้วไกด์เอเชียพูดเองเออเองสร้างความเข้าใจที่ผิดๆ แก่นักท่องเที่ยวต้องเลิกซะที ที่สำคัญคือการร่วมปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญที่ยังมีอยู่ในบางประเทศนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ได้นักท่องเที่ยวสั่วๆ เข้ามา ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการโกงนักท่องเที่ยวให้เสียชื่อคนไทยอีกด้วย


ผู้หากินกับการท่องเที่ยวนั้นในหลายส่วนต้องปรับจิตสำนึกกันใหม่ กิจการบริการที่มีหัวใจประเภทจำแนกลูกค้าเป็นชนชั้นต่างระดับ เจอฝรั่งก็แทบจะยกบูชาด้วยหวังเงินเขา แต่กับคนไทยถือเป็นคนชั้นสองถือว่าบริการยังไงก็ได้นั้นก็ต้องให้มีการอบรมบ่มนิสัย การโกงเล็กเอาเปรียบน้อยต่อนักท่องเที่ยวโดยถือซะว่าคนไกลจะเอาโทษอะไรกับตัวไม่ได้นั้นต้องถูกขจัด มาเฟียท้องถิ่นต้องไม่ให้มีโดยเด็ดขาด นักท่องเที่ยวยุคนี้รู้ข้อมูลมากกว่าสมัยก่อน มีอยู่ในมือหมดและพร้อมที่จะกระจายข่าวด้านลบออกไปหากความปลอดภัยและความสบายใจเสีย ภาพลักษณ์เป็นเครดิตที่สำคัญหากสูญเสียไปแล้วต้องเหนื่อยกันมากกว่าจะกอบกู้ได้


เพื่อให้การท่องเที่ยวในไทยเป็นไปอย่างปลอดภัย มีความสุข ได้รับรสชาติอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น รัฐมีสิ่งที่ต้องทำมากมายอีกหลายอย่าง ตั้งแต่ของการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนนหนทาง รางรถไฟ ป้ายจราจร บางทีที่เข้าถึงยากก็ต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสำหรับผู้สูงอายุหรือพิการ แต่ก็ต้องควบคุมไม่ให้ทำลายสภาพแวดล้อมจนเกินไปจนกระทบพืชพรรณสัตว์ป่า ของดีๆ ที่ขาดการจัดแสดงและรักษาที่เหมาะสม เช่น พิพิธภัณฑ์ในวัด ต้องเอาออกมาสู่สาธารณะและจัดการให้เป็นระบบ ไม่เช่นนั้นเท่ากับรอวันสูญสลาย


การปราบปรามผู้พยายามฉ้อโกงประชาชนต้องดำเนินไปอย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่ปล่อยให้ดังกันอยู่ในแต่โซเชียลเน็ตเวิร์คแล้วคนร้ายก็ก่อเหตุต่อไป สถานที่อิทธิพลบางแห่งต้องกล้าทลายแม้จะเป็นแหล่งกลางคืน สถานที่เหล่านี้มีจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับองค์การอาชญากรรมข้ามชาติที่พัวพันทั้งฟอกเงินและยาเสพติด การหรี่ตาไม่ปราบปรามเพราะนึกว่าเป็นแค่การผิดบาปเล็กน้อยนั้นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก และท้ายสุดอย่าลืมว่าถึงเราต้องการเงินตราจากการท่องเที่ยวเพียงใด ความมั่นคงของชาติต้องมาก่อนเสมอ