ลงทุนในสุขภาพ

ลงทุนในสุขภาพ

ผมพูดเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนมานานมาก น่าจะประมาณ 20 ปีมาแล้ว เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องของเงินทอง แต่ว่าที่จริงมีเรื่องอื่นๆ อีกไม่น้อย

ที่การลงทุนสำคัญไม่แพ้เรื่องของเงินทอง หนึ่งในนั้นคือการลงทุนกับ “สุขภาพ” นี่คือการลงทุนในเรื่องของการ “ใช้” ร่างกายและจิตใจในวันนี้อย่าง “ถนอมรักษา” เพื่อจะได้สามารถใช้ได้มากขึ้นและหรือดีขึ้นในวันข้างหน้า เมื่อร่างกายของเราเข้าสู่โหมดเสื่อมโทรมตามอายุของเรา

การลงทุนในสุขภาพนั้นอาจจะคล้ายกับการลงทุนในเงินทอง ในแง่ที่ว่าในยามที่ยังเป็นหนุ่มสาวมักจะไม่ใคร่สนใจที่จะทำนัก เนื่องจากความจำเป็นยังมีน้อยนั่นคือในยามที่เป็นหนุ่มสาว เรามักจะยังมีสุขภาพที่ดีหรือมีเงินใช้เพียงพอจากการทำงาน เราไม่เห็นความจำเป็นมากนักที่จะต้องดูแลสุขภาพหรือต้องเก็บเงินเพื่อลงทุน เราอยากจะใช้ให้"เต็มที่กับชีวิต"สำหรับวันนี้มากกว่าที่จะเลื่อนออกไปในวันข้างหน้า

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะตายก่อนหรือถึงวันนั้นการมีเงินใช้มากก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเราไม่มี“แรง”จะใช้ ทั้งหมดนั้นมักเป็นความคิดของคนที่ยังไม่เคยแก่ ยังไม่รู้สึกถึงคุณประโยชน์ของการมีเงินหรือมีสุขภาพที่ดีในวันที่ตนเองแก่ตัวลง แต่สำหรับผมซึ่งผ่านชีวิตทั้งสองแบบมาแล้ว คิดว่าคนเราต้อง “ลงทุน” ในทั้งสองเรื่องอย่างจริงจังตั้งแต่อายุยังน้อย การลงทุนจะช่วยเพิ่ม “ผลประโยชน์รวม” หรือ “ความสุขโดยรวม” ในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ

พูดง่ายๆ ถ้าลงทุนอย่างพอเหมาะทั้งในเรื่องของการเงินและสุขภาพตั้งแต่ยังเด็ก โอกาสที่จะมีความสุขในชีวิตตลอดชั่วอายุขัยจะสูงขึ้นมาก การลงทุนในสุขภาพนั้นไม่เหมือนเงินทองในแง่ที่ ถ้าเรา “ไม่ใช้” ร่างกายหรือใช้น้อย แบบนี้ไม่ใช่การลงทุน ในทางตรงกันข้าม การ “ใช้” ร่างกายมากเกินไป ก็ไม่ใช่การลงทุนเหมือนกัน

การลงทุนในสุขภาพนั้น คิดว่าเป็นเรื่องต้องทำให้พอเหมาะในแต่ละเรื่อง และจะต้องรู้จริงและเข้าใจร่างกายและการทำงานของมัน โดยหลักการคือ จะต้องดูแลรักษาให้ทุกส่วนของร่างกายทำงานได้เต็มหรือเกือบเต็มประสิทธิภาพ แต่ไม่เกินกำลังในแต่ละช่วงเวลา และคำว่าทุกส่วนนั้นรวมถึงที่อยู่ภายในที่มองไม่เห็นเช่นตับไตไส้พุงและสมองด้วย และนี่ทำให้การลงทุนในร่างกายหรือสุขภาพเป็นเรื่องยากพอสมควร และต้องศึกษาทำความเข้าใจคล้ายกับการลงทุนเหมือนกัน

หัวใจของการรักษาและดูแลสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการ “ลงทุน” ที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง คือการออกกำลังที่พอเหมาะตลอดช่วงอายุของเรา การออกกำลังกายนั้นช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง ทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยเรารักษาโครงของร่างกายเราในยามที่เราแก่ตัวลง

การออกกำลังสม่ำเสมอยังช่วยในเรื่องของหัวใจและระบบต่างๆ ในร่างกาย ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้“แก่” ช้าลง รวมถึงสมองที่สำคัญอย่างยิ่งด้วย ประเด็นสำคัญที่ยังไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่คือการออกกำลังมาก“เกินปกติ” เช่น นักกีฬาหรือคนที่เล่นกล้ามเพาะกายนั้น เป็นการ“ลงทุน”หรือการ“ใช้”ร่างกายกันแน่ หรือพูดง่ายๆคุ้มไหมที่จะทำอย่างนั้น?

เพื่อนผมคนหนึ่งที่ชอบวิ่งจ็อกกิ้งมากจนน่าจะเรียกได้ว่า “ติด” เขาวิ่งแทบทุกวันวันละเป็นสิบ ๆ ก.ม. ดูจากภายนอกเขาจะผอมเกร็งไม่มีไขมันเลย ร่างกายดูแข็งแรงยิ่งกว่าหนุ่มวัยรุ่นทั้ง ๆ ที่อายุน่าจะ 40 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อพบเขาอีกครั้งหนึ่งเขาบอกว่าเขาเป็นมะเร็ง เหตุผลเขาบอกว่าอาจจะเกิดจากการที่เขาใช้พลังมากเกินไป และกินเนื้อสัตว์มากเพื่อชดเชยเสริมสร้างกล้ามเนื้อซึ่งก่อให้เกิดมะเร็ง นั่นเป็นการบอกเป็นนัยว่า เขาใช้ร่างกายเกินไป

อาหารน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อสุขภาพไม่น้อย การ“ลงทุน”ในเรื่องนี้ ไม่ใช่การกินแต่อาหารคุณภาพสูงราคาแพงอย่างเนื้อสัตว์หรืออาหารอร่อย ที่มักมีไขมันหรือความหวานสูง ตรงกันข้าม การลงทุนเรื่องนี้หมายความว่าจะต้อง“อด” หรือหักห้ามจิตใจ ที่อยากจะกินอาหารดังกล่าวให้อยู่ในระดับเหมาะสม ประเด็นหลักคือการควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสมไม่อ้วน

เพราะน้ำหนักตัวที่เกินกว่าปกติ มักเป็นสาเหตุของโรคและความไม่สบายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในตอนที่เราแก่ตัวลง เช่น โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันและอื่น ๆ ซึ่งโรคเหล่านี้มักจะ “เรื้อรัง” และทำให้คุณภาพชีวิตลดลงไปมาก

นอกจากอาหารตามปกติแล้ว การลงทุนในสุขภาพอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องการการควบคุมจิตใจตัวเองสำหรับบางคนคือ การบริโภค “สารพิษ” หรือสิ่งที่จะทำลายอวัยวะบางอย่างของร่างกาย เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้บ่อยๆ การสูบบุหรี่หรือยาเสพติดอื่น ๆ ในระยะยาวแล้วคิดว่าร่างกายจะ “ฟ้อง” การทำงานของตับหรือปอด อาจแย่ลงมากหรือบางคนอาจร้ายแรงถึงขนาดตับแข็งหรือเป็นมะเร็งปอดหรือตับได้

เมื่อเร็วๆ นี้ ความคิดเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพได้พัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คือการเกิดขึ้นของ “Anti Aging” หรือการ “ชะลอวัย” ในวงการแพทย์ นี่คือการใช้ศาสตร์ทางการแพทย์และสุขภาพหลาย ๆ ด้านมาแนะนำหรือมาดูแลรักษาผู้สูงวัยไม่ให้ “แก่” ตัวเร็วหรือมีปัญหาทางสุขภาพเนื่องจากความเสื่อมโทรมของร่างกายมากเกินไป หมอบางคนก็คิดถึงขนาด “ลดวัย” ให้กับคนไข้ที่มารับการรักษา

กระบวนการหรือวิธีของหมอที่ทำเรื่องชะลอวัยนั้น นอกจากเรื่องออกกำลังและการกินอาหารซึ่งรวมถึงวิตามินแล้ว ยังรวมถึงการ“ปรับ”ปริมาณฮอร์โมนร่างกายด้วย เพราะปริมาณฮอร์โมนในร่างกาย มีส่วนสำคัญมากต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ฮอร์โมนเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเป็นหนุ่มสาวหรือจะแก่กันเลยทีเดียว แต่การทำเรื่องต่างๆ เหล่านี้มีต้นทุนสูง ทั้งเรื่องตรวจวิเคราะห์ ยาหรืออาหารเสริม และที่สำคัญค่าที่ปรึกษาแนะนำของแพทย์และบุคลากรด้านต่าง ๆ และนี่คือ“การลงทุน” ในสุขภาพที่เป็นเม็ดเงินจริง

สำหรับคนที่เชื่อหรือสนใจที่จะลอง เรื่อง Anti Aging นี้ ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะคุ้มไหมสำหรับคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อายุมากและมีเงินมากแล้ว ดูเหมือนว่าจะคุ้มที่จะลงทุนจ่ายเงิน และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำต่างก็เสนอบริการนี้

สุดท้าย การลงทุนเรื่องสุขภาพไม่ได้ต่างจากการลงทุนเรื่องการเงิน ในแง่ที่ว่า ผลลัพธ์ปลายทางนั่นคือความมั่งคั่งหรือสุขภาพที่ดีโดยรวมของแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญอย่างน้อย 3 ประการนั่นก็คือ หนึ่ง ต้นทุนเดิมของแต่ละคนที่มีอยู่ คนที่มี “ยีนส์” ดี ย่อมได้เปรียบคนที่มีกรรมพันธุ์ที่ไม่แข็งแรงซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ “ดวง” ของแต่ละคน สอง การดูแลรักษาสุขภาพที่ดีและถูกต้องตามหลักวิชาซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่สูงต่อสุขภาพ และสุดท้ายก็คือ ระยะเวลาของการปฏิบัติตามแนวทางนั้นอย่างมีวินัยสูง ถ้าทำได้เช่นนี้ เราก็จะมีสุขภาพที่ดีโดยรวมตลอดอายุขัย และนี่ก็คือการลงทุนในชีวิตที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งไม่แพ้การลงทุนในเรื่องของเงินทอง