เมื่อรถไฟไหม้ ต้องทำอย่างไร

เมื่อรถไฟไหม้ ต้องทำอย่างไร

สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ ดูท่าจะย่ำแย่พอสมควรทีเดียว แต่ไม่ว่าตัวเลขการจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งปี จะทำได้มากหรือน้อยเท่าใดก็ตาม

สิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ทั้งหลายต้องนึกไว้เสมอก็คือ ต้องใช้รถยนต์ให้ถูกต้องทั้งตามหลักการใช้รถว่าด้วยความปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรและรถยนต์

รวมถึงต้องดูแลรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานเสมอ เพราะรถยนต์เป็นทรัพย์สินเคลื่อนที่ โดยมีชีวิตของคนติดอยู่กับรถ หากมีความผิดพลาดหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมา นอกจากทรัพย์สินคือรถยนต์จะเสียหายแล้ว ชีวิตคนที่อยู่ในรถอย่างน้อยคือผู้ขับ ย่อมได้รับผลกระทบทั้งในส่วนของร่างกาย และจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายครั้งที่เสียหายทั้งทรัพย์สินและบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต แล้วยังต้องรับผลทางคดีความที่ติดตามมาอีกด้วย

เท่าที่ดูข่าวสารตามโลกไร้สายทั้งหลาย พบคำถามของผู้ใช้รถยนต์ที่น่าตกใจมากมาย เช่น ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เบรกอย่างไร และไม่รู้ว่าต้องขับรถในขณะขึ้นเขาลงเขาอย่างไร หรือหลายครั้งพบว่าผู้ขับรถยนต์ไม่รู้แม้กระทั่งกฎจราจรพื้นฐาน จึงนำมาถามไถ่กันทางโลกออนไลน์ ซึ่งหากมองโลกอย่างประชดประชัน ก็คงต้องถามกลับไปว่า มีชีวิตรอดมาตั้งคำถามได้อย่างไรกัน

สัปดาห์ที่แล้วผมเขียนเกี่ยวกับสาเหตุของรถยนต์ไฟไหม้เอาไว้ สัปดาห์นี้ผมจึงอยากจะเขียนต่อเกี่ยวกับรถยนต์ไฟไหม้ว่าเมื่อเราต้องเผชิญกับรถยนต์ที่ขับอยู่แล้วไฟลุกไหม้ขึ้นมา เราจะต้องรับมือกับเหตุการณ์นั้นอย่างไร เหตุผลที่อยากจะเขียนเรื่องนี้ นอกเหนือไปจากขยายความต่อจากตอนที่แล้ว คือบังเอิญผมไปเจอคลิปที่มีการเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีของสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่ขับรถยนต์อยู่ดี ๆ แล้วมีไฟลุกไหม้ขึ้นมาที่ห้องเครื่องลามขึ้นมาที่ฝากระโปรง สุภาพสตรีท่านนั้นจึงสาละวนเก็บข้าวของทรัพย์สินใส่กระเป๋าถือ แทนที่จะหันไปปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วอุ้มลูกเล็ก ๆ ที่ติดอยู่กับเบาะนั่งเด็กที่อยู่บริเวณเบาะหลัง เพื่อที่จะได้หนีไปให้ไกลจากรถยนต์ที่ไฟกำลังลุกไหม้ ผมจึงเกิดความคิดที่จะเขียนวิธีการรับมือขึ้นมา

ประการแรกสุดเมื่อได้กลิ่นเหม็นไหม้ และเห็นมีควันไฟโชยกรุ่นขึ้นมา ส่วนมากจะเกิดขึ้นที่ห้องเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงรถ ให้รีบลงจากรถโดยเร็วและอย่าเปิดฝากระโปรงห้องเครื่องขึ้นมาเด็ดขาด เพราะทันที่เราเปิดฝากระโปรงขึ้นมา ไฟก็จะพุ่งสวนเข้ามาหาออกซิเจน ที่ไหลเข้าไปพร้อมการเปิดฝากระโปรง นั่นหมายถึงจะมีเปลวไฟพุ่งเข้าหาใบหน้าและตัวของเราทันที

หากในรถมีเครื่องมือดับเพลิงติดอยู่ ให้ดึงสลักเพื่อให้ฝากระโปรงเปิดแง้มขึ้นเล็กน้อย แล้วใช้เครื่องดับเพลิงฉีดสวนเข้าไปในห้องเครื่อง จากนั้นจึงเปิดฝากระโปรงด้วยความระมัดระวัง เพราะยังอาจจะมีเปลวไฟติดค้างอยู่ และพร้อมที่จะพุ่งสวนมาได้ทุกเมื่อ ถ้าในรถยนต์ผ้าผืนใหญ่ให้เอาผ้ามาชุบน้ำให้เปียกโชก และถือบังหน้าและลำตัวเอาไว้เมื่อเปิดฝากระโปรง และทันทีที่เปิดฝากระโปรงมาและมองเห็นต้นตอของไฟ ให้เอาผ้าที่เปียกน้ำคลุมทับลงไปบริเวณดังกล่าวทันที

ปัจจุบันนี้รถยนต์ใช้เชื้อเพลิงที่แตกต่างกัน การจะใช้เครื่องดับเพลิงก็ควรเลือกให้เหมาะสมด้วย ความเห็นส่วนตัวของผมที่แนะนำผู้อื่นเสมอก็คือ ถังดับเพลิงชนิดใช้ก๊าซ CO2 น่าจะใช้ดับเพลิงในรถยนต์ได้ครอบคลุมกว่าประเภทอื่น แต่มีข้อจำกัดอยู่ว่าหากพื้นที่นั้นมีลมพัดแรง ก็ต้องเข้าไปฉีดในระยะที่ใกล้กับเปลวเพลิงให้มากที่สุด มิเช่นนั้นลมก็จะพัดก๊าซดับเพลิงปลิวไปจากจุดต้นเพลิงเสียเปล่าๆ

ถ้าไม่มีถังดับเพลิงติดรถให้ใช้ผ้าชุบน้ำให้เปียกคลุมไปที่ต้นตอของกองไฟ หรือหากคิดว่าตนเองไม่สามารถรับมือกับไฟที่ลุกไหม้ได้ ให้หนีไปให้ห่างจากตัวรถให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะในรถยนต์มีวัตถุไวไฟจำนวนมาก ที่อาจจะระเบิดขึ้นมาได้เมื่อโดนไฟไหม้

ในรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซลก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำฉีดหรือสาดไปที่จุดที่ไฟลุกไหม้ เพราะหากน้ำไม่สามารถดับไฟลงไปได้ทันที ก็จะพาให้น้ำมันเชื้อเพลิงไหลตามน้ำไปทั่วบริเวณ โดยมีไฟที่ลุกติดอยู่กับน้ำมันเชื้อเพลิงไหลตามน้ำไปด้วย เท่ากับเป็นการขยายวงของไฟที่ลุกไหม้ให้กว้างกระจายไปตามน้ำและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไหลไป

ถ้าบริเวณที่ไฟไหม้รถมีทรายหรืออยู่ใกล้จุดที่มีการก่อสร้าง ให้เอาทรายสาดเข้าไปที่จุดซึ่งเกิดไฟไหม้ จะช่วยควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามหรืออาจจะช่วยดับไฟได้

สำหรับรถยนต์ที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นแก๊สประเภทใดก็ตาม หากมีการติดตั้งวาล์วสำหรับปิดการจ่ายแก๊ส ให้รีบปิดวาล์วให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะมีการติดตั้งระบบปิดวาล์วอัตโนมัติไว้แล้วก็ตาม จากนั้นให้รีบหนีไปไกลจากรถมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่ามัวห่วงทรัพย์สินในรถเป็นอันขาด เพราะไฟที่ลุกติดอยู่กับแก๊ส จะลุกลามไหลอย่างรวดเร็วไปตามกระแสลม ที่พัดไปทุกทิศทางโดยไม่สามารถคาดเดาได้

ส่วนรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน แม้ว่าจะเกิดไฟลุกไหม้ได้น้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันและแก๊ส แต่หากเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมา และไฟลามไปถึงบริเวณที่ติดตั้งแบตเตอรี่ ความร้อนอาจจะทำให้แบตเตอรี่เกิดระเบิดขึ้นมาได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงมาก ดังนั้นเมื่อเกิดไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้า ถ้าไม่สามารถดับไฟได้ด้วยตนเอง ก็ให้หนีไปให้ไกลจากรถเช่นกัน

ในกรณีที่เป็นผู้ผ่านไปพบรถยนต์เกิดไฟลุกไหม้ หากไม่สามารถช่วยเหลือดับไฟได้ ให้หลีกไปให้ไกลอย่าทำตัวเป็นไทยมุง เพราะนอกจากจะกีดขวางการทำงานของผู้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือแล้ว ตัวเองก็อาจจะได้รับอันตรายจากเปลวไฟ หรือจากการระเบิดที่เกิดจากไฟไหม้ได้เสมอ 

สิ่งสำคัญที่จะช่วยได้มากที่สุดเมื่อเกิดไฟไหม้ คือสติของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ครับ