แยก 'ขายรถ-เช่าแบตฯ' วินฟาสต์ แก้ปัญหาคนไทยลังเลจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อ 'EV'  

แยก 'ขายรถ-เช่าแบตฯ' วินฟาสต์ แก้ปัญหาคนไทยลังเลจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อ 'EV'  

วินฟาสต์ (VinFast) ประกาศแผนรุกตลาดประเทศไทยก่อนหน้านี้ ล่าสุดออกมาประกาศแผนธุรกิจ เพื่อผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) อาเซียน ชูบริการแบตเตอรี่แบบสมัครสมาชิก หรือเช่าแบตฯ ลดค่าใช้จ่ายซื้อรถ ประเดิมเปิดตัว รุ่นแรกVF e34 เดือนมิถุนายน

โดยวินฟาสต์ (VinFast) ระบุว่า จะใช้ประสบการณ์การทำตลาดในหลายพื้นที่ของโลก รวมถึงความเข้าใจในตลาดอาเซียนของวินฟาสต์ มาผลักดันตลาดในประเทศไทย รับมือกับการแข่งขันในตลาดรถยนต์ที่ดุเดือด พร้อมที่จะท้าชิงผู้เล่นที่มีฐานธุรกิจอันแข็งแกร่งกว่าในตลาดที่ได้ชื่อว่าเป็น “ศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ของโลก”

วินฟาสต์ ระบุว่า จากการสำรวจของ Ipsos ช่วงปลายปี 2566 พบว่าคนไทย 84%  มีแนวโน้มพิจารณารถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ในการซื้อรถคันต่อไป แม้ว่าการใช้รถ EV จะช่วยประหยัดได้ในระยะยาว 

โดย 65% ของกลุ่มตัวอย่างของ Ipso เห็นว่าการประหยัดค่าเชื้อเพลิงเป็นเหตุผลหลักในการเปลี่ยนมาใช้อีวี แต่อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายก้อนโตก้อนแรกในการซื้อรถยังคงเป็นอุปสรรคสำหรับคนไทยเกือบครึ่งของกลุ่มตัวอย่าง หรือ  48%

วินฟาสต์ยังอ้างถึงกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ที่คาดการณ์ว่ายอดจดทะเบียนอีวีใหม่ในไทยจะสูงถึง 150,000 คัน ภายในสิ้นปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปีที่ผ่านมา

แนวโน้มดังกล่าวเป็นการชี้ให้เห็นว่าว่าตลาด EV ในประเทศไทย ขยายตัวขึ้นทุกปี ด้วยนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล

ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนี้ย่อมหมายถึงศักยภาพทางธุรกิจสำหรับวินฟาสต์

สำหรับแผนการเปิดตัวรถยนต์ในไทย วินฟาสต์ ประกาศแผนไปก่อหน้านี้จะเปิดตัวหลายรุ่นเพื่อสร้างความหลากหลาย เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคภายในปี 2567 ประกอบด้วย 

  • VF e34 เดือนมิถุนายน 2567 
  • VF 5 เดือนสิงหาคม หรือกันยายน 2567 
  • VF 6 และ VF 7 ภายในสิ้นปี 2567 

ฮานา วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เป้าหมายแรกของวินฟาสต์คือ การวัดผลตอบรับของตลาดประเทศไทย โดยบริษัทต้องการรู้ว่ารถยนต์รุ่นใดที่โดนใจผู้บริโภคชาวไทยมากที่สุด

"แม้ว่าตลาดรถยนต์ในไทยจะมีการแข่งขันสูง แต่วินฟาสต์เชื่อมั่นว่ายังมีแนวโน้มที่ดีสำหรับการรุกตลาด อีวี ของไทย ยิ่งไปกว่านั้น เป็นที่รู้กันดีว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความพิถีพิถันและความต้องการรถยนต์ที่สะท้อนถึงตัวตนของเจ้าของ มากกว่าความเหมาะสมในการใช้งานจริง และมักเลือกใช้รถยนต์ที่สอดคล้อง และสะท้อนให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของตนเอง"

ดังนั้น วินฟาสต์จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกับในตลาดอื่นๆ เช่น  VF 5 จะเน้นความเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัว ซึ่งเหมาะสำหรับคนเมืองส่วนใหญ่

นอกจากนี้วินฟาสต์ยังมีโซลูชั่นบริการแบตเตอรี่แบบสมัครสมาชิก หรือ การเช่าแบตเตอรี สำหรับตลาดประเทศไทยอีกด้วย 

"ตลาด EV ที่กำลังเติบโตไม่ได้รับประกันว่าผู้เล่นทุกรายจะสร้างส่วนแบ่งได้เท่ากัน ด้วยบทเรียนจากประสบการณ์ทำธุรกิจทั่วโลก วินฟาสต์ใช้อินไซต์จากลูกค้าเป็นข้อมูลในการตัดสินใจทางธุรกิจในไทย ซึ่งปัจจัยสำคัญหนึ่งคือค่าใช้จ่าย วินฟาสต์เชื่อว่าบริการแบตเตอรี่รถไฟฟ้าในระบบสมัครสมาชิกของบริษัทซึ่งจะเตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ จะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้"

สำหรับโซลูชันดังกล่าว วินฟาสต์จะจำหน่ายรถยนต์ที่ไม่ได้ติดตั้งแบตเตอรี่ โดยผู้ซื้อรถสามารถเช่าแบตเตอรี่ด้วยการจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนซึ่งไม่สูงนัก ซึ่งรูปแบบนี้วินฟาสต์ใช้มาแล้วในอินโดนีเซีย

การแยกแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนที่แพงที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้าออกจากตัวรถ เชื่อว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายก้อนแรกในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้มาก และลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการใช้รถ EV สู่ระดับที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

บริษัทยังมีนโยบายหลังการขาย ด้วยการบำรุงรักษาและการเปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรี เมื่อพบว่าความจุของแบตเตอรี่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือ 70% ของความจุเดิม เพื่อให้มั่นใจว่าแบตเตอรี่มีสมรรถนะที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งาน

แยก \'ขายรถ-เช่าแบตฯ\' วินฟาสต์ แก้ปัญหาคนไทยลังเลจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อ \'EV\'  

สำหรับวินฟาสต์ เป็นบริษัทในเครือของวินกรุ๊ป ( Vingroup) ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดยโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม

ส่วนธุรกิจ EV เริ่มต้นการผลิตในปี 2564 จากนั้นได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ปี 2566 จากนั้น วินฟาสต์ก็ค่อยๆ เริ่มขยายธุรกิจสู่ตลาดใหญ่ของโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกาและแคนาดา 

ปัจจุบันวินฟาสต์กำลังสร้างโรงงานในรัฐนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐฯ และอินเดีย และมีแผนจะสร้างโรงงานเพิ่มเติมในอินโดนีเซีย